กระดาษอาร์ตการ์ดจัดอยู่ในหมวดหมู่ของ กระดาษอาร์ต ซึ่งเป็นกระดาษเนื้อแน่นที่ผ่านการเคลือบผิวให้เรียบ มีทั้งแบบผิวเรียบด้านเดียวและแบบผิวเรียบทั้งสองด้าน สามารถแบ่งแยกย่อยออกไปได้อีกหลายประเภท ทั้งกระดาษอาร์ตมัน กระดาษอาร์ตด้าน กระดาษอาร์ตการ์ด เป็นต้น กระดาษอาร์ตเหมาะกับการพิมพ์สีหรืองานพิมพ์ที่เน้นความสวยงาม เช่น งานพิมพ์โปสเตอร์ โปสต์การ์ด ปกหนังสือ ใบปลิว บรรจุภัณฑ์ และแผ่นพับ เป็นต้น

กระดาษอาร์ตการ์ด มีกี่ประเภท

เป็นกระดาษที่มีลักษณะผิวหน้าคล้ายกระดาษอาร์ต แต่มีความหนาเพิ่มขึ้น โดยจะแบ่งได้อีกเป็น 2 ประเภทเช่นกัน

อาร์ตการ์ด 2 หน้า เป็นกระดาษอาร์ตที่หนาตั้งแต่ 190 แกรมขึ้นไป กระดาษประเภทนี้จะมีผิวเรียบ และมันเงาเหมือนกันทั้ง 2 ด้าน โดยมีน้ำหนักตั้งแต่ 190-360 แกรม โดยทั่วไปจะใช้สำหรับงานพิมพ์ประเภท โปสเตอร์ โปสต์การ์ด ปกหนังสือ แฟ้มเอกสารซึ่งสามารถเลือกใช้แกรมได้ตามความชอบ แต่ที่มักนิยมใช้กันจะอยู่ที่ประมาณ 230-260แกรม

อาร์ตการ์ด 1 หน้า เป็นกระดาษอาร์ตที่มีความแกร่งกว่ากระดาษอาร์ตการ์ด 2 หน้า มีความหนาตั้งแต่ 190 – 400 แกรม มีผิวด้านหน้าเรียบเป็นมันเงา ส่วนด้านหลังจะมีผิวด้านและหยาบเล็กน้อย ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความแข็งแรงมากขึ้นในการรับน้ำหนักสินค้า กระดาษชนิดนี้จึงเหมาะสำหรับพิมพ์งานประเภทกล่องใส่เครื่องสำอาง กล่องใส่สินค้าต่างๆ โปสเตอร์ โปสต์การ์ด ปกหนังสือ เป็นต้น ที่ต้องการความแข็งแรง และยังให้ความสวยงามเป็นพิเศษ รวมถึงผิวสัมผัสของเนื้อกระดาษที่เรียบเนียนและให้สีดูสดใส

SGEPRINT

กระดาษอาร์ตการ์ดเหมาะกับงานพิมพ์แบบไหน

การ์ดต่างๆ ควรเน้นความหนาของกระดาษตั้งแต่ 250 แกรมขึ้นไป ชนิดกระดาษที่นิยมจะเป็นกระดาษการ์ดขาว เพราะมีผิวด้านเรียบเนียน เหมาะสำหรับงานที่ต้องการโชว์ผิวกระดาษ และไม่ต้องการเคลือบ และอีกชนิดคืออาร์ตการ์ดที่มีผิวกึ่งเงา และมีความหนาให้เลือกหลายระดับ สามารถเคลือบ PVC เพิ่มเพื่อความสวยงาม หรือการทำพิเศษอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ได้อีกด้วย 

นามบัตร ชนิดกระดาษที่นิยมและเหมาะสม ได้แก่ กระดาษอาร์ตการ์ดหรือกระดาษการ์ดขาว ควรมีความหนาระหว่าง 210 – 300 แกรมไม่ควรบางหรือหนาเกินไป เพราะจะจัดเก็บลำบาก หรือหักงอง่าย สามารถเคลือบ PVC เพิ่มได้

โปสเตอร์ สิ่งพิมพ์ชนิดนี้ จะนิยมใช้กระดาษอยู่ 2 แบบ คือ แบบบางความหนาที่ 120-157 แกรม (ไม่เคลือบ) ได้แก่ กระดาษอาร์ตด้านและกระดาษอาร์ตมัน เพราะผิวกระดาษสวยในตัวอยู่แล้ว และแบบหนาจะมีความหนาที่ 190-350  แกรม ได้แก่ กระดาษอาร์ตการ์ด สามารถเคลือบเพิ่มได้

นิตยสาร, แค็ตตาล็อก และโฟโต้บุ๊ค  ในส่วนของปกชนิดกระดาษที่นิยมใช้จะหนากว่าเนื้อใน ได้แก่ กระดาษอาร์ตการ์ดที่ความหนาตั้งแต่190 – 300 แกรมและเคลือบ PVC  เพิ่ม ส่วนเนื้อในชนิดกระดาษที่นิยมจะเน้นผิวเงาและผิวด้าน ได้แก่ กระดาษอาร์ตมัน และกระดาษอาร์ตด้านความหนาตั้งแต่ 105 แกรม จนถึง 157 แกรม ผิวกระดาษเนียนสวย พิมพ์ออกมาแล้วได้สีสันสวยงามโดยที่ไม่ต้องเคลือบเพิ่ม

เมนูอาหาร นิยมใช้กระดาษหนา ได้แก่ กระดาษอาร์ตการ์ดที่ความหนาตั้งแต่ 250-350 แกรมโดยใช้ความหนาเท่ากันทั้งเล่มเพื่อความแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งานและเคลือบ PVC  เพิ่มสามารถกันน้ำได้ ทั้งนี้ยังมีการเข้าเล่มให้เลือกหลากหลายรูปแบบอีกด้วย

กล่องบรรจุภัณฑ์ กระดาษที่ใช้ต้องเน้นความหนาตั้งแต่ 300 แกรมขึ้นไป เพราะเมื่อขึ้นรูปประกอบเป็นกล่องแล้วจะได้รูปทรงที่ดูแข็งแรงสวยงาม ไม่บุบหรือฉีกขาดง่าย และควรเคลือบ PVC ด้านนอกกล่องเพิ่มด้วยเพื่อกันรอยแตกบริเวณเส้นพับของกล่อง ได้แก่ กระดาษอาร์ตการ์ด 300-350 แกรม หรือกระดาษกล่องแป้ง เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ใส่สินค้าหรือของใช้ทั่วไปที่มีน้ำหนักไม่มาก และกระดาษอีกชนิดหนึ่งคือกระดาษฟู๊ดเกรด เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ใส่อาหารโดยตรงเพราะปลอดภัยต่อผู้บริโภคอาหาร เนื่องจากไม่มีสารฟอกขาวปราศจากสารเคมีและย่อยสลายหรือรีไซเคิลได้

SGEPRINT

คุณสมบัติของกระดาษสำคัญอย่างไร

นอกจากชนิดของกระดาษแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราควรรู้ คือ คุณสมบัติต่างๆ ของกระดาษ เพราะกระดาษที่มีคุณสมบัติต่างกันก็จะเหมาะสมกับงานพิมพ์ที่ต่างกันออกไปด้วย อย่างที่เราเห็นว่ากระดาษอาร์ตการด์ มีความหนักที่แตกต่างกัน รวมถึงผิวสัมผัสของกระดาษ หลายคนยังไม่รู้ว่าคุณสมบัติแบบไหนที่เราควรจะเลือกให้เหมาะสมกับงานพิมพ์ของเรา เพราะฉะนั้นวันนี้เราไปดูกันเลย ว่ามีอะไรบ้าง

ความหนาของกระดาษ หรือมีชื่อเรียกในวงการว่า Caliper ความหนาจะมีส่งผลกับงานพิมพ์เป็นอย่างมาก เพราะหากเปลี่ยนความหนาเพียงเล็กน้อย รูปลักษณ์ของงานพิมพ์หรือผลิตภัณฑ์ก็จะเปลี่ยนไปจากที่ต้องการ

ความหนักของกระดาษ หรือ แกรม (Gram) จะส่งผลไปถึงความหนาของกระดาษด้วย จำนวนแกรมที่เพิ่มขึ้นก็จะทำให้กระดาษมีความหนามากขึ้น หลายคนอาจนิยมใช้กระดาษที่มีจำนวนแกรมเยอะ โดยเฉพาะกับงานพิมพ์หนังสือ เพราะเชื่อว่าจะทำให้งานพิมพ์นั้นแข็งแรง ทนทาน และดูมีราคา แต่หนังสือที่ได้ก็จะมีน้ำหนักมาก ลำบากต่อผู้อ่านและมีราคาแพง ดังนั้นจึงควรกำหนดความหนักของกระดาษให้ไม่หนักเกินไป แล้วค่อยๆ เพิ่มคุณสมบัติในส่วนอื่นเข้ามาแทนที่

ความแกร่งของกระดาษ สำคัญกับกระดาษที่ใช้ในงานพิมพ์บรรจุภัณฑ์ เพราะบรรจุภัณฑ์ต้องทำหน้าที่รับน้ำหนักของสินค้า จึงควรใช้กระดาษที่มีความแกร่งมาก แต่ความแกร่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับความหนาและน้ำหนักของกระดาษเสมอไป หลายครั้งที่กระดาษนั้นดูบางมาก แต่ฉีกขาดได้ยากเพราะมีความแกร่งสูง

ความเรียบของกระดาษ ส่งผลโดยตรงกับความสวยงามของงานพิมพ์ ยิ่งกระดาษมีความเรียบมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้กราฟิกหรือข้อความที่พิมพ์ลงไปชัดและสวยงามขึ้นเท่านั้น แต่ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย


เป็นอย่างไรบ้างคะทุกคน อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ในงานพิมพ์มีกระดาษหลากหลายรูปแบบมากๆ หากใครยังไม่ทราบก็สามารถเข้าไปดูบทความ ชนิดของกระดาษ ที่เราเคยลงไว้ก่อนหน้านี้ได้เลย เพราะฉะนั้นการเลือกกระดาษถือเป็นปัจจัยที่สำคัญมากสำหรับงานพิมพ์นะคะ 

ขอบคุณข้อมูลจาก
 Office MatePattanasilp / ThaidigitalPrint