ในการทำธุรกิจไม่ว่าคุณจะวาดแผนธุรกิจสวยหรู ประกอบไปด้วยแนวคิดเจ๋งๆ มุมมองกว้างไกลเท่าไหร่ แต่หากคุณไม่มีกลยุทธ์ที่ดีธุรกิจย่อมไปไม่ถึงฝั่งฟันเป็นแน่ ยิ่งในปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซมีการขยายตัวอย่างมาก ทำให้ 💣 กลยุทธ์ทางการตลาด ( Marketing Strategy ) ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ ต่างก็ถูกงัดออกมาใช้อย่างมากมาย ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด ใครสามารถปรับตัว หรือนำกลยุทธ์ไปใช้กับ การตลาดออนไลน์  ได้ 👊 ย่อมได้เปรียบคู่แข่งอย่างแน่นอน

กลยุทธ์ทางการตลาด คือ อะไร ? 

กลยุทธ์ทางการตลาด คือ อะไร

คำว่า กลยุทธ์ หมายถึง แนวทางการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่งที่ตั้งใจเอาไว้ วิธีการเหล่านั้น เรียกว่า กลยุทธ์ ส่วนกลยุทธ์ธุรกิจ หรือ กลยุทธ์ทางการการตลาด ก็คือ การวางแผนปฏิบัติงานแบบมีแบบแผน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายทางธุรกิจที่วางไว้ ซึ่งก็คือกำไรที่ตั้งเป้าไว้นั่นเอง หรือจะกล่าวง่ายๆ ก็คือ เทคนิคขององค์กรธุรกิจในการทำให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายตัดสินใจเข้ามาเป็นลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการของกิจการและเกิดความประทับใจในสินค้านั้นๆ จนกลายเป็นลูกค้าประจำ

กลยุทธ์ทางการตลาด มีอะไรบ้าง  

ถ้าจะให้ยกตัวอย่าง ประเภทของกลยุทธ์การตลาด หรือ กลยุทธ์ทางการตลาด มีอะไรบ้าง ต้องบอกเลยว่ามีเยอะมาก ขอยกตัวอย่าง กลยุทธ์การตลาดที่เห็นใช้กันบ่อยๆ มีดังนี้

ตัวอย่าง กลยุทธ์ใช้ก่อน จ่ายทีหลัง  

กลยุทธ์ทางการตลาด แบบนี้ มักจะเป็นพวก แอพพลิเคชั่น ซอร์ฟแวร์ บริการต่างๆ กลยุทธ์แบบนี้เมื่อเปิดโอกาสให้ใช้ฟรี เพื่อนำไปสู่บริการที่ พรีเมียม หรือเสียเงินนั่นเอง โดยตัวอย่างที่ใช้กลยุทธ์แบบนี้ได้แก่

Netflix โดยแรกๆ นั่นจะเปิดให้ใช้บริการ ฟรี 1 เดือน เพื่อจูงใจบุคคลทั่วไป เมื่อผู้ทดลองติดใจขึ้นมา เห็นคุณค่าแอพ ก็จะยอมจ่ายค่าบริการรายเดือน เพื่อที่จะได้ใช้งานต่อไป หรือ เลือกหนังที่ตัวเองชอบได้ แบบไม่ขาดตอน

Google-Drive-Google-One-Cloud-Storage กลยุทธ์ใช้ก่อน จ่ายทีหลัง

Google Drive จริงๆ แล้ว ผู้ให้บริการ Cloud Storage มีเยอะมาก เช่น Onedrive Dropbox แต่จะขอยกตัวอย่างเฉพาะ Google Drive โดย Google ให้พื้นที่ใช้ฟรีถึง 15 GB ซึ่งเยอะมากๆ สามารถใช้เชื่อมกับ PC ได้ และสามารถใช้แอพลิเคชั่นสำนักงานที่คล้าย Word Excel Powerpoint ได้อีกด้วย เมื่อผู้ใช้ ใช้งานเกือบเต็มความจุ ก็ไม่อยากที่จะย้ายข้อมูลไปที่อื่นแล้ว เนื่องจากงานต่างๆ ก็อยู่ใน Google Drive ทำให้ผู้ใช้ยอมที่จะอัพเกรดพื้นที่ และได้รับสิทธิพิเศษมากมาย

ปัจจุบันมี กลยุทธ์การตลาดที่น่าสนใจ มากมาย หลายๆ ธุรกิจสามารถนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับธุรกิจของตัวเอง ตัวอย่าง เช่น Spotify ใช้กลยุทธ์ สร้างความแตกต่างของสินค้า (Differentiation strategy) เช่น การนำ AI เข้ามาใช้ในการเลือกเพลง หรือดูแลเพลย์ลิสต์ตามนิสัย หรือความต้องการของลูกค้า หรื

แม้กระทั่งสามารถเลือกเพลงตามอารมณ์ได้ ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิวัตวงการแพลตฟอร์มการสตรีมเพลงทั่วไปๆ อย่างมาก ส่งผลให้ Spotify กินส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ของแพลตฟอร์มการสตรีมเพลง โดยจุดมุ่งหมายของกลยุทธ์นี้คือการมอบประสบการณ์ใหม่ๆ และ แตกต่างจากคู่แข่ง เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป จากตู่แข่ง ทำให้ลูกค้าติดใจ หรือสนใจมากขึ้น

กลยุทธ์ทางการตลาด 4p 

กลยุทธ์ทางการตลาด 4p

โดย กลยุทธ์ทางการตลาด 4p ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่คลาสสิคสุดแล้ว นักการตลาดรุ่นเก่าก็ยังใช้อยู่ในปัจจุบัน 4P หรือ Marketing Mix คือเครื่องมือวางแผนการตลาดผ่านการวิเคราะห์ส่วนผสมทางการตลาด 4 ส่วน ได้แก่ Product (สินค้า) Price (ราคา) Promotion (การส่งเสริมการขาย) และ Place (ช่องทางจัดจำหน่าย) บริษัทที่สามารถนำกลยุทธ์การตลาด 4P ที่ไปในทิศทางเดียวกันได้ จะทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้า และบรรลุวัตถุประสงค์ทางการตลาดได้ โดยส่วนประกอบ 4P มีดังนี้

Product (สินค้าหรือผลิตภัณฑ์) – เริ่มกันที่ P ตัวแรก คือ สินค้าหรือบริการของเรานั่นเอง สินค้าหรือบริการที่อาจจะเหมาะกับความต้องการของตลาดกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทุกสินค้ามีวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์และมีข้อดีข้อเสียเฉพาะตัว โดยอาจมีกลยุทธ์แตกต่างกันไป เช่น เลือกสินค้าที่ยังไม่มีวางขายในตลาด เลือกขายสินค้าที่เป็นที่นิยมและกำลังอยู่ในกระแส

Price (ราคา) – ส่วนผสมทางการตลาดตัวที่สองคือ Price หรือราคาขายนั่นเอง คือกลยุทธ์ส่วนการตั้งราคาสินค้า ลูกค้าแต่ละกลุ่มมีความสามารถและพฤติกรรมในการใช้เงินไม่เหมือนกัน นอกจากนั้นแล้วสินค้าบางอย่างก็มีมูลค่ามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับราคาและมุมมองของผู้ถือด้วย กลยุทธ์ด้านราคาที่ดีที่สุดกลยุทธ์ที่สามารถเพิ่มยอดขายและกำไรให้กับสินค้าได้มากที่สุด อาจวิเคราะห์ Price อาจได้จากวิธีการขายสินค้า เช่น ขายสินค้าออนไลน์บนแพลทฟอร์ม อาจตั้งราคาขายจากค่าเฉลี่ยของสินค้าประเภทเดียวกันบนแพลทฟอร์ม หรือสินค้าขายผ่านการ Live สด อาจตั้งราคาไม่สูงมากเพื่อให้ง่ายต่อที่ลูกค้าตัดสินใจซื้อในเวลาที่รวดเร็วนั่นเอง

Promotion (การส่งเสริมการขาย) – กลยุทธ์การส่งเสริมการขายบางทีก็ถูกเรียกว่าการสื่อสารการตลาด (marketing communication) รวมทุกอย่างตั้งแต่การทำโฆษณาทั้งแบบ Offline และ Online การจัดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม การจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย และการประชาสัมพันธ์ลูกค้า การส่งเสริมการขายคือกระตุ้นให้กลุ่มลูกค้าหลักของเรามีความอยากซื้อสินค้ามากขึ้น

Place (ช่องทางการจัดจำหน่าย) – หมายถึงสถานที่ขายและช่องทางการขายของสินค้า สินค้าส่วนมากต้องมีการกระจายสินค้าเพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น ลูกค้าแต่ละกลุ่มจะมีช่องทางการขายไม่เหมือนกัน กลยุทธ์ด้านช่องทางการขายที่ดีต้องเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เราต้องการได้ และต้องมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม

กลยุทธ์ทางการตลาด 8p 

กลยุทธ์ทางการตลาด-8p--ประโยชน์ของการตลาด-ส่วนผสมการตลาด

กลยุทธ์ทางการตลาดสมัยใหม่มีส่วนผสมทางการตลาด(Marketing Mix)หรือที่เรียกสั้นๆว่า 8P’s ในปัจจุบันกลยุทธ์ทางการตลาดไม่ได้สินสุดที่ 4p เท่านั้น แต่ยังเพิ่มมาอีก 4 ตัว รวมถึง Packaging ,Personal ,Public Relation ,Power

Packaging บรรจุภัณฑ์ เปรียบเสมือนเป็นหน้าตาของสินค้า ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการวางกลยุทธ์ทางการตลาดสำหรับบรรจุภัณฑ์ โดยมีเป้าหมายในการสร้างความสวยงามโดดเด่น รวมทั้งความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ให้แก่ผลิตภัณฑ์ เพื่อที่จะสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคได้มากกว่าสินค้าในตลาดคู่แข่ง จนสามารถสร้างยอดขายและกำไรที่เพิ่มขึ้นได้

Personal พนักงานขาย ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล ไม่สามารถทำการลอกเลียนแบบได้ง่าย โดยหากผู้ประกอบการมีพนักงานขายที่มีความรู้ มากประสบการณ์ รวมทั้งมีความสามารถในการจูงใจผู้บริโภค จะสามารถช่วยเพิ่มยอดขายให้แก่ธุรกิจได้อีกทางหนึ่งโดยการใช้ประโยชน์จากความสามารถของบุคคล

Public Relation กลยุทธ์การใช้ข่าวสารในการชักจูงผู้บริโภค ถือว่าเป็นวิธีการทางการตลาดที่มีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน ที่สื่อต่างๆได้เข้ามามีอิทธิพลในสังคมมากขึ้น โดยกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มทัศนคติเชิงบวกต่อผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภค รวมทั้งสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่สินค้าได้เช่นกัน

Power กลยุทธ์ทางการตลาดเกี่ยวข้องกับอำนาจ เป็นกลยุทธ์ที่ใช้สำหรับการต่อรอง ควบคุม รวมทั้งแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการค้ากับคู่แข่งทางการตลาด ซึ่งอำนาจต่อรองที่ผู้ประกอบการมีจะสามารถสร้างข้อเสนอที่ดีที่สุดให้แก่ธุรกิจได้

🟡 โดยส่วนมากแล้ว 8P Marketing Mix ประโยชน์ของมันมีไว้เพื่อมีไว้ใช้สร้างแผนการตลาดที่เหมาะสมกับสินค้าที่มีอยู่ หรือกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย หากเรามีแค่กลุ่มเป้าหมาย เราก็สามารถใช้ 8P เพื่อสร้างสินค้าจากศูนย์ได้ (แต่คุณก็คงต้องใช้ข้อจำกัดอย่างอื่นในการช่วยหาสินค้า) แปลว่า ถ้าเรารู้ว่าลูกค้าชอบอะไร อยากได้อะไร มีปัญหาอะไร เราก็สามารถหาวิธีแก้ปัญหาให้ลูกค้าภายหลังได้นั่นเอง

แต่ขอให้จำไว้ว่าไม่ว่าคุณจะใช้แผนทางการตลาดรูปแบบไหน คู่แข่งก็ย่อมใช้งาน หรือเข้าถึงกลยุทธ์ต่างๆ ได้พอกับเรา สิ่งที่เราต้องทำ หรือรับมือให้ได้คือ ศึกษาข้อดี ข้อเสีย และการใช้งานให้ดีก่อนที่จะนำมาใช้งาน และเหมาะกับกับสิ่งค้าของคุณก็จะทำให้คุณเหนือคู่แข่ง หรือ แตกต่างจากคู่แข่งได้