ศัพท์การตลาด ที่ควรรู้มีอะไรบ้าง SGEPRINT รวบรวมมาให้แล้ว ใครเริ่มต้นทำการตลาด แล้วยังไม่รู้ศัพท์เทคนิคเหล่านี้ หรือ อยากรู้ความหมายเพิ่มเติม เพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถด้านการตลาดออนไลน์ ให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นแล้วละก็ ตามมาดูกันเลย

หมวด ศัพท์การตลาด ด้านการทำแอดโฆษณา

ศัพท์การตลาด

  1. A/B Testing

หนึ่งในกลยุทธ์การทำโฆษณา ที่จะทดสอบตลาด โดยการสร้างแคมเปญโฆษณา 2 แบบ เปรียบเทียบกัน เพื่อหาว่าแบบไหน ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

  1. Awareness

การสร้างการรับรู้ ให้ลูกค้ารู้จักสินค้าหรือแบรนด์ของเรา โดยการสร้างคอนเทนท์ เช่น บทความ วิดีโอ หรือ โฆษณา เพื่อให้เข้าถึงคนจำนวนมาก 

  1. Conversion

แปลว่า การสร้างโอกาสการขาย หรือ ทำอะไรบางอย่าง เพื่อให้ได้รับผลตอบรับจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย  เช่น ทำแคมเปญโฆษณา เพื่อหวังการได้มาซึ่งสมาชิกใหม่ การลงทะเบียนทดลองใช้งานสินค้า หรือ แม้แต่การได้รายชื่อของบุคคลเข้าร่วมงานเพิ่มขึ้น

  1. Customer Journey

เส้นทางของผู้บริโภค ที่ได้เข้ามาสัมผัสแบรนด์ ตั้งแต่เริ่มต้นการรับรู้ (Awareness) ไปจนถึงการส่งซื้อสินค้า เป็นแนวทางที่นักการตลาดใช้เพื่อกำหนดกลยุทธ์ และ ศึกษาพฤติกรรมลูกค้า เพื่อสร้างบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการ

  1. CTR

ย่อมาจาก Click Through Rate แปลว่า อัตราการคลิกผ่าน เป็นตัวใช้วัดผล ว่าคอนเทนท์หรือโฆษณานั้น มีคนกดคลิกดูเท่าไหร่ ซึ่งจะหมายถึง คอนเทนท์หรือโฆษณานั้นมีคุณภาพหรือไม่ ส่วนใหญ่ ค่า CTR ยิ่งเยอะยิ่งดี สามารถเช็กได้จากหน้า Dashboard ของบัญชีที่ใช้ยิงโฆษณาเช่น Facebook Business Manager

  1. Engagement

การมีส่วนร่วม ต่อคอนเทนท์บนโลกโซเชี่ยล ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ Poll สำรวจต่าง ๆ  หากมีการกด Like กดแชร์ กดคอมเมนท์ ตามโพสต่าง ๆ ถือว่าเป็น Engagement ทั้งหมด

  1. Impression

หมายถึง การมองเห็น เป็นการนับจำนวนการแสดงผล และ การเข้าถึงลูกค้า ของโฆษณาแต่ละแคมเปญ ยิ่งเข้าถึงลูกค้าได้มาก ค่า Impression ก็จะยิ่งสูงขึ้น

  1. Organic Reach / Paid Reach

เป็นค่าแสดงผลว่า ลูกค้าที่เข้าถึงโฆษณาของเรานั้น เข้ามาแบบ Organic คือ เห็นเพราะมีความสนใจเองจริงๆ หรือว่าเป็นกลุ่ม Paid Reach คือ กลุ่มที่เข้าถึงโฆษณาเราได้ เพราะถูกยิงแอด ซึ่งจะแสดงถึงคุณภาพของคอนเทนท์โฆษณานั้น ๆ ว่าดีหรือไม่ดี มีประสิทธิภาพหรือไม่

  1. Remarketing

การทำการตลาด ไปยังกลุ่มเป้าหมาย ที่เคยเห็น เคยติดตาม สื่อโฆษณาต่าง ๆ แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ เพื่อกระตุ้นเตือนให้ลูกค้ากลุ่มนี้ ตัดสินใจซื้อสินค้าเราในภายหลัง หรือ ถ้าเคยซื้อแล้ว ก็ซื้อเพิ่มอีก เพื่อเพิ่มยอดขาย โดยการทำRemarketing นั้น สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ยิงแอดผ่าน Facebook ส่งข้อเสนอ โปรโมชั่นผ่าน E-mail หรือ Broadcast Messenger ผ่าน Line OA ฯลฯ

  1. Retargeting

การทำการตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมาย ที่เคยค้นหาสิ่งที่ตนเองสนใจ แล้วข้อมูลของพวกเขาถูกเก็บข้อมูลเอาไว้ โดยระบบติดตามบนโลกออนไลน์ เช่น Cookie ในเว็บไซต์ หรือ Facebook Pixel ใน Facebook ฯลฯ ทำให้นักการตลาด เจ้าของธุรกิจ สามารถนำเอามาเป็นฐานข้อมูล ใช้กำหนดกลุ่มเป้าหมายใหม่ เวลายิงแอดโฆษณาได้ โดยการทำ Retargeting ส่วนใหญ่ มักใช้วิธียิงแอดใน Facebook เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์ม Social Media อันดับ 1 ที่คนไทยนิยมเล่นกันมากที่สุด

หมวด ศัพท์การตลาด ด้าน Marketing

การตลาด

  1. Affiliate Marketing

Affiliate Marketing คือ การทำการตลาดออนไลน์ ที่เจ้าของธุรกิจจะให้ค่า Commission (ค่านายหน้า) แก่ใครก็ตาม ที่นำลิ้งก์สินค้า ไปโปรโมตตามช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook IG Tiktok Shopee Lazada เมื่อมีคนกดสั่งซื้อ เจ้าของธุรกิจก็จะได้ยอดขาย ส่วนคนโปรโมตก็จะได้ค่าคอมมิชชั่น Win – Win กันทั้ง 2 ฝ่าย

  1. Branding

Branding แปลว่า การสร้างแบรนด์ เพื่อให้สินค้าและบริการของเรามีมูลค่ามากขึ้น และ เป็นที่จดจำของลูกค้าโดยการทำ Branding ไม่ใช่แค่ตั้งชื่อ หรือ ทำโลโก้ เท่านั้น แต่รวมถึงการกำหนดกลยุทธ์ ที่จะทำให้สินค้าและบริการของแบรนด์ โดดเด่นในทุกๆ มิติ สามารถแข่งขันกับคู่แข่ง และ ขึ้นเป็นเจ้าครองตลาดได้

  1. Brand Identity

Brand Identity คือ อัตลักษณ์ของแบรนด์ แสดงออกมา ตั้งแต่ชื่อแบรนด์ โลโก้ สี สโลแกน รูปภาพ ตัวหนังสือ ซึ่งเจ้าของแบรนด์หรือเจ้าของธุรกิจ จะต้องสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ให้เด่นชัดมากที่สุด เพื่อให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ง่าย

  1. Content Marketing

Content Marketing คือ การทำการตลาด ด้วยคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็น บทความ รูปภาพ วิดีโอ ลงในช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์, Social Media ฯลฯ เพื่อจุดประสงค์ทางการตลาด เช่น การส่งมอบคุณค่าหรือความรู้ของผลิตภัณฑ์, กระตุ้นการสร้าง Engagement ให้กับธุรกิจ, ช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายหรือช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมาย จนนำไปสู่การสร้าง Conversion เป็นต้น

  1. Customer Relationships Managements (CRM)

การบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า เป็นระบบที่ช่วยเก็บข้อมูลลูกค้า เพื่อช่วยส่งเสริมการขายและการจัดการด้านความสัมพันธ์ของลูกค้า โดยใช้ระบบ Software หลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ด้านการดูแลลูกค้าเป็นหลัก

  1. Digital marketing

การทำการตลาดบนโลกดิจิตัล เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการให้เป็นที่รู้จัก สร้างแคมเปญให้มีการมีส่วนร่วมของลูกค้า ตลอดจนทำโฆษณาเพื่อสร้างยอดขาย โดยโลกดิจิตัลนั้น หมายรวมถึงทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น Website, E-mail, Social Media เช่น Facebook IG Tiktok Line OA ฯลฯ, E-Commerce อย่าง Shopee Lazada การสร้างยอดขายจาก Influencer หรือ รายได้จาก Affiliate Marketing หรือ การเป็นนายหน้าในโลกออนไลน์  ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของ การทำการตลาดดิจิตัล ด้วยเช่นเดียวกัน

  1. Data Driven Marketing

คือ การนำข้อมูล มาใช้ในการขับเคลื่อน และ กำหนดกลยุทธ์ทางการตลาด โดยการเก็บข้อมูลจากผู้บริโภค มาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ทั้งในด้านพฤติกรรม และ สถิติที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภค ตั้งแต่กระบวนการคิด ไปจนถึง การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า จะได้สามารถกำหนดแคมเปญ หรือ โฆษณา ที่จะสามารถสื่อสารไปถึงลูกค้าได้ตรงจุด ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น

  1. Email Marketing

การทำ Email Marketing คือ การทำการตลาดออนไลน์ โดยการส่ง E-mail ไปยังลูกค้า เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร สินค้าและบริการใหม่ ๆ ตลอดจนโปรโมชั่นต่าง ๆ ของแบรนด์ธุรกิจ ให้เกิดการรับรู้ ติดตาม และ กระตุ้นยอดขาย สร้างรายได้ในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน โดยจะทำได้ ต่อเมื่อมีการเก็บรายชื่อ หรือ E-mail ของลูกค้าเอาไว้ ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น ให้สมัคร E-mail แลกรับ E- Book ฟรี หรือ เข้าสัมมนา Training ฟรี เป็นต้น

  1. Emotional Marketing

การตลาดที่เล่นกับอารมณ์ของลูกค้า เป็นแนวทางการตลาดยุคใหม่ ที่กำลังเป็นที่จับตามอง ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่กระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมด้านอารมณ์ของลูกค้า เพื่อให้เกิดการตอบสนองตามวัตถุประสงค์ของการตลาด

  1. Inbound Marketing

การทำการตลาดแบบดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย ให้เข้ามาในพื้นที่ของเรา ด้วยคอนเทนท์ที่น่าสนใจ ตาม เว็บไซต์ หรือ โซเชียลมีเดีย ต่าง ๆ โดยไม่ซื้อโฆษณา การทำตลาดลักษณะนี้ เน้นการสร้างคุณค่า มอบความรู้ให้กับลูกค้า หรือ กลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก เช่น บล็อก บทความ หรือ วิดีโอ ที่มีข้อมูลเป็นประโยชน์ เป็นต้น

  1. Mass Market

Mass Market คือ ตลาดลูกค้ากลุ่มใหญ่ ที่มีความต้องการแบบทั่วไป ไม่เฉพาะเจาะจง ในชีวิตประจำวัน ทำให้เหมาะกับคนที่ต้องการขายสินค้าในแต่ละวันจำนวนมาก ซื้อง่าย ขายคล่อง ตัวอย่างเช่น กลุ่มวัยรุ่นนักศึกษา กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มผู้สูงอายุ เป็นต้น

  1. Niche Market

Niche Market คือ ตลาดเฉพาะกลุ่ม ที่ผู้บริโภค หรือ ลูกค้าในกลุ่มนี้ จะมีความต้องการแบบเฉพาะเจาะจง ไม่เหมือนใคร ตามไลฟ์สไตล์ หรือ แนวคิดของคนนั้น ๆ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการขายสินค้ากำไรดี คู่แข่งน้อย แต่ก็อาจมีข้อจำกัดตรงที่ ลูกค้าอาจน้อยกว่า เมื่อเทียบกับ ตลาด Mass Market ตัวอย่างของ Niche Market เช่น กลุ่มคนชอบกินมังสวิรัติ กลุ่มคนชอบของวินเทจ กลุ่มคนรักษ์โลก เป็นต้น

  1. Marketing Funnels

Marketing Funnel คือ กระบวนการที่เป็นขั้นตอนวางแผนทำการตลาด ที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ ตั้งแต่การดึงดูดกลุ่มเป้าหมายตลอดจนสร้างยอดขาย เก็บ Leads หรือ Action อื่น ๆ ที่คุณต้องการให้เกิด Conversion โดย Marketing Funnel แต่ละขั้นตอนจะหน้าที่ในการช่วยดึงดูด โน้มน้าว และทำให้กลุ่มเป้าหมายของคุณเดินทางไปตาม Journey สิ่งที่คุณต้องการได้อย่างเป็นระบบแบบแผน

  1. Marketing Technology

หรือเรียกสั้น ๆ ว่า MarTech เป็นชื่อเรียกกลุ่มซอฟต์แวร์ หรือ เทคโนโลยีดิจิตัล ที่ใช้ในการวางแผนธุรกิจ จัดแคมเปญทางการตลาด รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า จากช่องทางต่าง ๆ เพื่อให้การทำการตลาดมีประสิทธิภาพ เป็นเครื่องมือทางการตลาด ที่ทรงพลังมากที่สุดในยุคนี้ ช่วยให้นักธุรกิจและผู้ประกอบการ สามารถทำการตลาดได้ง่ายขึ้น

  1. Omni Channel Marketing

Omni Channel Marketing คือ การสร้างกลยุทธ์ทางการตลาด ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้จากหลากหลายช่องทาง เช่น เว็บไซต์, Social Media, E-commerce หน้าร้านจริง แล้วรวมข้อมูลของลูกค้าหรือ ผู้บริโภคทั้งหมดเอาไว้ในที่เดียว เมื่อเกิดการซื้อขาย ก็จะทำให้ธุรกิจเห็นเส้นทางผู้บริโภคของลูกค้าแต่ละคน ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้า สามารถอำนวยความสะดวกในการซื้อสินค้าหรือบริการได้ดีมากขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สำคัญของการทำ CRM

  1. Rebranding

Rebranding คือ การปรับภาพลักษณ์ หรือ เปลี่ยนภาพจำของแบรนด์ ไปสู่รูปแบบใหม่ เพื่อให้มีความทันยุคทันสมัย หรือ สอดคล้องกับแนวทางธุรกิจใหม่มากขึ้น

  1. Referral Marketing

การบอกต่อจากลูกค้าเก่าสู่ลูกค้าใหม่ เป็นวิธีการที่อาศัยความสัมพันธ์ที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ เพื่อใช้บอกต่อไปยังลูกค้าใหม่ โดยทางแบรนด์ก็จะได้กลุ่มลูกค้าใหม่ ส่วนลูกค้าเก่าก็ได้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เป็นการตอบแทน เช่น โปรโมชั่นส่วนลด เป็นต้น

  1. Social Listening

Social Listening คือ ‘การฟังเสียงของผู้บริโภคบนสื่อสังคมออนไลน์’ ผ่านการใช้งาน Social Listening Tools ที่จะทำให้คุณรู้เสียงของผู้คนในโลกออนไลน์ ที่มีการกล่าวถึงแบรนด์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็น การแสดงความคิดเห็น (Comment), การแท็กชื่อแบรนด์ของคุณโดยการใช้ @ (Mentions) หรือการติด #Hashtag ผ่านโพสต์ หรือ บทสนทนาต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ จากนั้น จึงนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อค้นหาโอกาสในการทำการตลาดดิจิทัลต่อไปในอนาคต

  1. Social Media Marketing

Social Media Marketing คือ การทำการตลาดออนไลน์ บนแพลตฟอร์มโซเชี่ยลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น Facebook IG Twitter Tiktok Line ฯลฯ ด้วยการทำ Content เขียนบทความ ลงรูป ลงวิดีโอ ยิงแอดโฆษณา หรือ ไลฟ์สด เพื่อให้ผู้คน หรือ ลูกค้าในแพลตฟอร์มนั้น ๆ เกิดการซื้อขาย ตอบสนอง หรือ มีส่วนร่วมในธุรกิจมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการกดไลก์ กดแชร์ กดติดตาม เขียนคอมเมนท์ ทั้งนี้ ก็เพื่อสร้างยอดขาย และ สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก อันจะช่วยต่อยอด สร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็ว

  1. SWOT

SWOT คือ แนวคิดในการวิเคราะห์ปัจจัย 4 อย่างของธุรกิจ คือ จุดแข็ง (Strength) จุดอ่อน (Weakness) โอกาส (Opportunities) และ อุปสรรค (Threats) เพื่อให้ธุรกิจสามารถรับรู้ Position ของตัวเองและนำจุดแข็งไปปรับใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันของตลาด ถือเป็นแนวคิดสำคัญของการทำการตลาดดิจิทัลยุคใหม่

หมวด ศัพท์การตลาด ด้านการขาย

ศัพท์การตลาด

  1. B2C

ย่อมาจาก Bussiness To Customer เป็นรูปแบบของธุรกิจที่ขายสินค้าและบริการให้ลูกค้าโดยตรง เช่น ขายอาหาร รองเท้า เสื้อผ้า ขายของตามตลาดนัด เปิดร้านทำเล็บ ตัดผม เป็นต้น

  1. B2B

ย่อมาจาก Bussiness to Bussiness คือ การทำธุรกิจ ระหว่างคนทำธุรกิจด้วยกันเอง โดยที่ต่างฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์ โดยส่วนใหญ่แล้ว มักเป็นกลุ่มธุรกิจที่จะช่วยให้พ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบการ บริษัท ทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสินค้าแล้วนำมาขายส่ง หรือ เป็นการให้บริการ ที่จะช่วยเพิ่มผลกำไร หรือ แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กับธุรกิจ เช่น การวางแผนการตลาด บริการนำเข้าสินค้า – ส่งออก ให้เช่าคลังสินค้า ช่วยแพคสินค้า เป็นต้น

  1. Dropship

วิธีการขาย โดยไม่ต้องสต็อกสินค้า แค่ใช้ตัวอย่างสินค้า หรือ รูป ลงขายผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งใน Facebook Lazada Shopee เมื่อมีลูกค้ามาสั่งสินค้า จึงค่อยไปหาซื้อสินค้าจากร้านค้าที่ต้นทุนถูก มาจัดส่งให้ ทำให้สามารถสร้างรายได้ โดยไม่ต้องลงทุนแม้แต่บาทเดียว

  1. Upsell

Upsell คือ การเพิ่มยอดขาย โดยการสนับสนุนให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการเพิ่ม มากกว่าที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก เพื่อสร้างยอดขายให้มากขึ้น โดยอาจเสนอโปรโมชั่นพิเศษ เช่น ซื้อชิ้นที่ 2 ถูกกว่า เพื่อให้ลูกค้าอดใจไม่อยู่ หรือ รู้สึกคุ้มกว่า ถ้าซื้อไปในตอนนี้

  1. Cross-selling

Cross-selling คือ การขายสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าหลัก เพื่อให้มูลค่าของยอดขายเพิ่มขึ้น เช่น ซื้อโน้ตบุ๊ก ขายเมาส์ เพิ่ม หรือ ซื้อ Smartphone ขายเคส หูฟังบลูทูธ เพิ่ม เป็นต้น

หมวดศัพท์การตลาด บนเว็บไซต์

การตลาด

  1. Backlink

ลิงก์เว็บไซต์ของเรา ที่นำไปฝังอยู่ในเว็บอื่น ๆ เพื่อให้มีคน Click เข้ามา เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ เพื่อให้ Google ใช้ในการจัดลำดับแสดงผลหน้าค้นหา

  1. Bounce Rate

อัตราส่วนของคนที่เข้าและออกจากเว็บไซต์ไป โดยไม่ได้คลิกเข้าไปดูหน้าอื่น ๆ เพื่อใช้วัดผลว่า เว็บโหลดเร็ว หรือ ช้า คอนเทนต์ในเว็บไซต์ น่าสนใจหรือไม่น่าสนใจ ซึ่งวิธีคิด Bounce rate ให้นำจำนวนการเข้าชมหน้าเว็บเพจ หารด้วยจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ทั้งหมด จะเป็นค่าเฉลี่ยของการเข้าและออกในแต่ละครั้ง

  1. Cache

Cache คือ หน่วยความจำอย่างนึง มีความเร็วในการเข้าถึงและการถ่ายโอนข้อมูลสูง มีหน้าที่เก็บข้อมูลที่เราต้องการจะใช้งานบ่อย ๆ เพื่อเวลาที่ CPU ต้องการใช้ข้อมูลนั้นๆ จะได้ค้นหาได้เร็ว โดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องไปค้นหาจากข้อมูลทั้งหมด
ซึ่งทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลของเราได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

  1. Conversion Rate

อัตราส่วนของการเข้าชมเนื้อหาในเว็บไซต์ ที่กลายเป็นการกระทำกิจกรรมใด ๆ ก็ตามที่ธุรกิจนั้นๆ ให้คุณค่า ซึ่งสามารถคำนวณง่ายๆ ได้ โดยนำจำนวน Conversion ที่เกิดขึ้น หาร จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ทั้งหมด

  1. Cost Per Action (CPA)

หมายถึง รูปแบบการจ่ายผลตอบแทน การคิดราคาโฆษณาต่อกิจกรรม 1 ครั้ง ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ เช่น การสมัครสมาชิก การลงทะเบียน การสั่งซื้อสินค้า โดยผู้ลงโฆษณาจะเสียเงิน ก็ต่อเมื่อลูกค้ามีการตอบรับที่สำเร็จในกิจกรรมนั้นจริงๆ

  1. Cost Per Click (CPC)  

ราคาต่อหนึ่งคลิก (CPC) หรือ จำนวนเงินที่คุณได้รับในแต่ละครั้ง เมื่อมีผู้ใช้งานคลิกโฆษณาของคุณ โดยผู้ลงโฆษณาจะเป็นผู้กำหนด CPC สำหรับโฆษณานั้น ๆ ทั้งนี้ ผู้ลงโฆษณาบางราย อาจเต็มใจที่จะจ่ายเงินต่อคลิกมากกว่าผู้ลงโฆษณารายอื่น ขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขาโฆษณา

  1. Cost Per 1000 Impressions (CPM)

ผู้โฆษณาที่ใช้โฆษณาแบบ CPM จะตั้งราคาที่ต้องการต่อการแสดงโฆษณา 1,000 ครั้ง โดยจะเลือกตำแหน่งโฆษณาที่ต้องการให้แสดงโฆษณา และจ่ายเงินทุกครั้งที่โฆษณาปรากฏ ผู้โฆษณาจะต้องเสนอราคา CPM สูงกว่าโฆษณาแบบ CPC ที่มีอยู่เพื่อที่จะแสดงโฆษณาโฆษณาแบบ CPM สามารถเป็นได้ทั้งโฆษณาแบบข้อความหรือแบบรูปภาพ และจะมีการกำหนดตำแหน่งเป้าหมายเสมอ

  1. DOMAIN

ชื่อของเว็บไซต์ อย่างเช่น www.abc.com คือ ชื่อเว็บไซต์ เอ บี ซี ดอท คอม เป็นต้น

  1. Meta Tag

คำหรือ Keyword ที่มีจำนวนสั้น ๆ เป็นส่วนหนึ่งของ Meta Description อธิบายรายละเอียดของเนื้อหา

  1. Meta Description

คำอธิบายรายละเอียดของเนื้อหา ที่จะแสดงอยู่บนหน้า Google เพื่อให้เข้าใจเนื้อหาก่อนที่จะคลิกเข้าชมเว็บไซต์

  1. Traffic

Traffic คือ จำนวนคนเข้าเว็บไซต์ หรือที่เรียกว่า Unique IP Traffic ซึ่งมีผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์บน Google ยิ่งคนเข้าเว็บไซต์มาก เข้าอ่านบทความ หรือ เยี่ยมชมเว็บไซต์นาน Google ก็จะยิ่งจับอันดับเว็บไซต์นั้นให้มีความน่าเชื่อถือ

  1. SEO

SEO (Search Engine Optimization) คือ กระบวนการที่จะช่วยผลักดันให้เว็บไซต์ของคุณ ขึ้นหน้าแรกของระบบ Search Engine อาทิ Google, Bing, Yahoo เป็นต้น โดยจะใช้คำค้นหาหลัก (Keyword) ที่กำหนดไว้ เป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนลำดับ (Ranking) อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องซื้อโฆษณา แต่อาศัยองค์ประกอบต่าง ๆ โดยเฉพาะคอนเทนท์ในเว็บไซต์ เป็นหลัก

  1. SEM

SEM (Search Engine Marketing) เป็นคำเรียกวิธีการทำการตลาดบน Search Engine โดยมี 2 วิธีการหลัก ๆ คือ SEO และ PPC หรือ Pay Per Click คือ การซื้อโฆษณา โดยมีการเรียกเก็บเงิน ในรูปแบบจ่ายตามจำนวนคลิก ซึ่งผู้ทำจะต้องประมูล Keyword เพื่อที่จะให้โฆษณาปรากฎเมื่อมีการค้นหาใน Search Engine นั้น ๆ โดยโฆษณาจะแสดงที่ตำแหน่งใดนั้นจะถูกกำหนด ซึ่งถ้าหากทำโฆษณาบน Google ก็คือ การซื้อโฆษณา Google Ads นั่นเอง

  1. Sitemap

Sitemap หรือ “แผนผังเว็บไซต์” หรือ “แผนที่เว็บไซต์” เป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ ที่อธิบายถึงโครงสร้างของเว็บไซต์ได้ทั้งหมด ซึ่ง Sitemap จะเป็นเหมือน “สารบัญ” หรือ “หน้าดัชนี” ของเว็บไซต์ ที่รวม Link ทั้งหมดของเว็บไซต์ไว้ภายในหน้าเดียว และ ยังช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อ Search Engine (Google,Bring,Yahoo)

  1. Sale Page

Sale Page  คือ เว็บไซต์ที่แสดงสินค้าแบบหน้าเดียว สร้างขึ้นเพื่อปิดการขายเป็นหลัก โดยภายใน Sale Page จะมีข้อมูลทั้งหมด เช่น รายละเอียดสินค้า รูปภาพ วิดีโอ ราคา การแจ้งโปรโมชัน รีวิวจากลูกค้า และมีปุ่ม Call To Action ที่จะเป็นปุ่มที่ทำให้ลูกค้าทำกิจกรรมอะไรบางอย่างที่คุณต้องการ เช่น ซื้อสินค้า พูดคุยกับร้านค้า ลงทะเบียนให้ความสนใจ หรือ ลิงก์ไปยังช่องทางการปิดการขายที่คุณตั้งไว้ (Facebook, LINEOA) เป็นต้น

เป็นยังไงกันบ้างกับ 50 ศัพท์การตลาด ที่ SGEPRINT นำมาฝากกัน คงจะช่วยให้หายสงสัย และ เข้าใจศัพท์เทคนิคต่าง ๆ ได้มากขึ้น ซึ่งถ้าหากใครสนใจก็สามารถไปศึกษาเพิ่มเติมดูได้ นอกจากจะได้รู้รายละเอียด และ ได้รับความรู้เพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ ในการทำ Digital Marketing แก่ธุรกิจของคุณ ให้มีประสิทธิภาพได้มากขึ้นอีกด้วย

บทความที่น่าสนใจ