หากใครต้องทำงานด้านสายการออกแบบกราฟิก คงจะรู้จัก เครื่องมือออกแบบ ดีไซน์กราฟิก เช่น Photoshop และ Illustrator กันอยู่แล้ว เพราะบางครั้งการ ออกแบบ Banner Social Media, Presentation, งานสิ่งพิมพ์ , Logo , งานป้ายสติ๊กเกอร์ ป้ายไวนิล ป้ายต่างๆ ต้องใช้เครื่องมือเหล่านี้สลับกันทำงานอยู่แล้ว ซึ่งบางครั้งงานที่ได้อาจจะล่าช้า หรือ ส่งงานไม่ทันก็มี เพราะบางงานอาจจะเสียเวลาไดคัท เสียเวลาคิดงานออกแบบ บางแพลตฟอร์มก็ต้องใช้ Size ที่ต่างกัน ซึ่งกว่าจะได้งานออกมาซักชิ้นก็แสนจะยากเย็น

วันนี้ SGEPRINT จะมาแนะนำ แพลตฟอร์มออกแบบกราฟิกที่ไม่ต้องโหลดโปรแกรมลงเครื่อง แถมยังจบงานได้ภายในหน้าเดียว ซึ่งปัจจุบัน มีหลายแพลตฟอร์มไม่ใช่แค่ Canva เท่านั้นยังมีแพลตฟอร์มอื่นที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่แข่งในอนาคตของ Canva แน่นอน มาดูกันว่ามีของค่ายไหนกันบ้าง

จุดเด่น เครื่องมือออกแบบ มีอะไรบ้าง

แนะนำ เครื่องมือออกแบบ กราฟิกดีไซน์ แบบไม่ต้องลงโปรแกรม

1. Glorifyapp

เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่มาที่หลัง Canva แต่สามารถพัฒนาได้รวดเร็วจนใกล้เคียงกับ Canva แล้ว การใช้งานเพียงแค่เลือกเทมเพลตที่เราชอบจากไลบรารี โดยเรานำมาแก้ไข ข้อความรูปภาพใหม่ ใส่เอฟเฟกต์เพื่มให้ดูดี

Glorifyapp  เป็นโปรแกรมทำรูปสินค้าหนึ่งที่เหมาะมากกับสาย Ecommerce หรือ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องการทำรูปสินค้า แต่ใช้ Photoshop ไม่เป็น ซึ่งใช้งานง่ายมาก โดยจุดเด่น Glorifyapp มี

Smart Resizer  

ถือว่าเป็นเครื่องมือปรับขนาดอัจฉริยะ เมื่อคุณออกแบบเสร็จแล้ว แต่พบว่าขนาดของรูปใน Social Media นั้นมีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น Facebook Twitter Instagram คุณจะพบว่าแค่ขนาด Facebook อย่างเดียวก็มีเป็นสิบขนาด แต่เพียงใช้ Glorifyapp  ลากเพียงไม่กี่ครั้งก็ได้ไซต์ ขนาดที่ต้องการทันที

ชุด Brand Kit

อันนี้เป็นอีกหนึ่งตัวที่ชอบเลย เนื่องจากบางบริษัทจะมีพวก CI หรือ อัตลักษณ์ขององค์กร ซึ่งเราสามารถเซพชุดสีแบรนด์ของเราได้ หลังจากนั้นเพียงแค่เราจะใช้งานก็แค่คลิกเลือกเพียงคลิกเดียว

Template

ต้องบอกว่าที่ Glorifyapp มีสวยๆ เยอะมาก เอาไปใช้ได้เลย เหมาะมากกับสายพ่อค้า แม่ค้า สาย Ecommerce  นอกจากนี้ยังมีเทมเพลต Social Media อื่น พร้อมใช้งานเยอะมาก

Image

ที่นี่มีรูปภาพมากกว่า 5000000 และ ไอคอนที่เยอะมากๆ มาจาก Pixels , Pixabay , icons 8

Backgroung Remove

ลบพื้นหลังออกได้ง่ายๆ เพียงไม่กี่คลิก  โดย Glorifyapp มีออพชั่นการแก้ไขด้วยมือเพิ่มเติม ทำให้ได้ภาพที่ได้หลังจากการลบมีความสวยเนียนยิ่งขึ้นมากๆ ในขณะที่ นั้นมีออพชั่นแค่เปลี่ยนสีภาพพื้นหลังเพียงอย่างเดียว ส่วนอื่นๆ แก้ไขเพิ่มเติมในส่วนตัดต่อไม่ได้

Lifetime

อันนี้ถือว่าคือจุดเด่นที่เหนือกว่า Canva เลยก็ว่าได้ เนื่องจากจ่ายแค่ครั้งก็สามารถใช้งานได้ชั่วชีวิต

สามารถเข้าไปดู https://start.glorifyapp.com/limited-lifetime-deal

จุดด้อย  หลักๆ น่าจะเรื่อง Template หรือ รูปที่ยังน้อยกว่า Canva ในบางครั้งยังหน่วงๆ อยู่บ้าง  แต่หากให้เทียบกับความคุ้มค่าต้องยกให้ Glorifyapp เหนือกว่านิดนึง เพราะมีโปร Lifetime  และอีกอย่างทีมงานมีการพัฒนาอยู่ตลอด ในอนาคตเผลออาจแซงหน้า Canva ไปเลย

แนะนำ เครื่องมือออกแบบ กราฟิกดีไซน์ แบบไม่ต้องลงโปรแกรม 2

2.Crello

ตัวนี้เพิ่งมาปีที่แล้วรูปแบบการใช้งานคล้ายๆ Canva เลย ใช้งานไม่ยาก รูปแบบการใช้งาน หรือฟังก์ชั่นการใช้งานคิดว่าไม่ต่างกับ Canva หรือ Glorifyapp

Animations

มีชุดเทมเพลตภาพเคลื่อนไหวสวยๆ พร้อมใช้งาน  ทำ animation แบบ frame ต่อ frame ได้โดยการเพิ่ม page แล้ว export เป็น gif ได้

Template

ที่นี่มีเทมเพลตพร้อมใช้มากกว่า 30,000 แบบ ซึ่งสวยมาก (ส่วนตัวแอบคิดว่าสวยกว่า Canva อีก)

Font 

มีฟ้อนต์ที่หลากหลาย และที่สำคัญคือสามารถอัพโหลดฟ้อนต์ของตัวเองได้เองแม้ในเวอร์ชั่นฟรี

Photo

เข้าถึงรูปภาพและวิดีโอสต็อกมากกว่า 180M ผ่าน Depositphotos

Remove

สามารถลบพื้นหลังได้ภายในไม่กี่คลิก และยังมีระบบ crop แบบ mask ด้วย

ราคาถูก

นับว่าที่นี่ราคาถูกกว่าหลายที่  ปกติ 7.99/เดือน รายปี 700 กว่าเหรียญ แต่ SGEPRINT หามาให้ให้แล้วครับ ถ้าซื้อผ่าน https://appsumo.com/crello/  เหลือเพียงแค่ 67 เหรียญ / ปี เอง

จุดด้อย ที่คล้ายกันๆ Glorifyapp  คือยังมี Material ที่ยังน้อยอยู่ อีกทั้งยังไม่ได้ deal กับพวก สต็อกฟรีเช่น Pixabay, Unsplash หรือ Pexels อีก หลายๆฟังก์ที่ควรมีเช่น Brandkit ก็ยังไม่มี เรื่องความหน่วงก็ยังมีบ้าง

แนะนำ เครื่องมือออกแบบ กราฟิกดีไซน์ แบบไม่ต้องลงโปรแกรม Pixteller

3. Pixteller

ตัวนี้จะค่อนข้างแตกต่างจาก 2 ตัว ด้านบน เป็น เครื่องมือออกแบบ กราฟฟิค และแอนิเมชั่นที่ใช้งานง่ายตัวนี้น่าจะโดดเด่นด้านการใช้สร้างรูปภาพ GIF และวิดีโอ และความสามารถด้านแก้ไขรูป สำหรับ การใช้งานส่วนตัวหรือธุรกิจโดยไม่มีความรู้ด้านเทคนิคหรือการออกแบบ

จุดเด่นคือ การ replace ภาพที่ถูกจัดวางไว้อย่างดีแล้ว(ส่วนตัวคิดว่า Canva ทำได้ดีกว่า), animation แบบ timeline ที่ปรับเปลี่ยนได้เยอะและยาว (exportเป็น mp4 หรือ gif), มีระบบ mask กับรูปภาพได้ เช่นให้รูปอยู่วงกลม, folder ซ้อน folder ได้ จัดการ Project ได้ดี (แต่ยังไม่มีระบบแยกจัดการ asset)

และชอบเป็นการส่วนอีกอันคือ shape แบบ logo ที่เปลี่ยนได้ง่ายแค่กด replace (ชอบสไตล์แบบนี้ ไม่ต้องไปหาในคลังภาพถ่าย)   https://appsumo.com/pixteller/  ตกปีละ 59 เหรียญเท่านั้น

จุดด้อยของที่นี่น่าจะเป็นรูปแบบ UX UI อาจจะไม่ค่อยสวย หรืออาจจะไม่คุ้นชินเหมือนอย่าง 2 ตัวด้านบน และมีความหน่วงอยู่บ้าง

เครื่องมือออกแบบทีได้นำเสนอไปนั้นต่างมีความสามารถ และโดดเด่นที่ต่างกัน และในอีกไม่กี่ปีคิดว่าน่าจะพัฒนาขึ้นไปเทียบเท่ากับ Canva หรืออาจจะนำหน้าไปเสียด้วยซ้ำ ทั้งนี้การใช้งานก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการแบบไหน งบประมาณเป็นอย่างไร หากต้องการฟรีก็อาจจะแนะนำ Canva หรือหากต้องการเสียเงินแล้วคุ้มค่า 3 ตัวที่กล่าวมาก็เป็นทางเลือกได้เป็นอย่างดี

คุณสามารถดูรีวิวแพลตฟอร์ม Canva เพิ่มเติมได้ที่ …
Canva คืออะไร ไม่มีพื้นฐานด้านกราฟิกก็ทำได้เลย