การลดราคา ให้ถูกใจลูกค้า ทำอย่างไร SGEPRINT มี 5 เทคนิค มาฝาก พร้อมเคล็ดลับเลือกสินค้าชนิดไหน มาลดราคาดีที่สุด ใครค้าขาย หรือ ทำธุรกิจค้าปลีก แล้วอยากมีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนไม่ขาดสายแล้วละก็ ตามมาดูกันเลย
สารบัญ
ทำไมต้อง ” ลดราคา “
ก่อนจะไปดูเทคนิค เรามาดูกันก่อนว่า ทำไมต้องลดราคา ? แน่นอนว่า นอกจากจะทำให้ของถูกลง และ น่าซื้อ ยังมีอีกหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็น ตัวล่อ ให้ลูกค้าเข้าร้าน จะได้มีโอกาส Upsell ซื้อของอย่างอื่นที่แพงขึ้น หรือ เพราะของใกล้หมดอายุ ของไม่มีคุณภาพ ทำให้ต้องนำมาขายถูก ๆ ป้องกันการขาดทุน ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เหตุผลที่สำคัญที่สุด คือ “ลูกค้าชอบของถูก” และด้วยเหตุผลนี้นี่เอง ทำให้ใครก็ตามที่ค้าขาย หรือ ทำธุรกิจ จะต้องรู้จัก ลดราคา สินค้าบางชนิดลงบ้าง เพื่อให้ในท้ายที่สุด ร้านของตนเองจะได้มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุน และ มีความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจได้นั่นเอง
5 เทคนิค การลดราคา ให้ถูกใจลูกค้า
1. เปรียบเทียบ Before & After
เพื่อให้ลูกค้ารู้ว่า สินค้าชิ้นนี้ ลดแค่ไหน ลดลงเท่าไหร่ ดูเสร็จแล้ว จะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยปรับใช้ได้กับทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น หน้าร้าน เวลาติดป้ายลดราคา ก็ให้เขียนราคาเก่า แล้วขีดฆ่า เช่น “1000 บาท ลดเหลือ 590 บาท” หรือ ตามช่องทางออนไลน์ เช่น Shopee Lazada เมื่อเราตั้งส่วนลด ก็จะมีโชว์ราคา Before & After เปรียบเทียบให้ด้วย เป็นต้น
2. Rule Of 100
Rule Of 100 เป็นหลักการลดราคาของ Jonah Berger ช่วยให้เรารู้ว่า ควรจะลดราคาเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือ จำนวนเงิน แบบไหนดีกว่ากัน โดยหลักการมีอยู่ว่า ถ้าราคาสินค้าต่ำกว่า 100 บาท ให้ลดเป็นเปอร์เซ็นต์จะดีที่สุด แต่ถ้าราคาสูงกว่า 100 บาท ให้ลดเป็นจำนวนเงินแทน
นั่นเป็นเพราะ เมื่อสินค้าต่ำกว่า 100 บาท ถ้าลด 25% จะดูลดเยอะมาก ทั้ง ๆ ที่คำนวณเงินออกมาแล้ว จะลดเพียง 2.5 บาทเท่านั้นเอง การลดราคาเป็นเปอร์เซ็นต์ จึงทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า คุ้มค่ากว่า เห็นแล้วอยากซื้อมากกว่า ในทางกลับกัน ถ้าสินค้าราคา 1000 บาท บอกว่าลด 250 บาท ย่อมเยอะกว่า 25% ดังนั้น หากใครอยากลดราคาให้ดูเยอะ น่าซื้อแล้วละก็ นำกฎนี้ไปปรับใช้ได้เลย
3. ใช้เลขง่าย ๆ เวลาลดราคา
ไม่ว่าจะลดราคาเป็น เปอร์เซ็นต์ หรือ จำนวนเงิน ให้ใช้เลขง่าย ๆ เข้าไว้ เลขง่าย ๆ ในที่นี้ หมายถึง เวลาลดเป็นเปอร์เซ็นต์ ก็ควรกำหนดเป็นเลขเต็มจำนวน ลงท้ายด้วยเลข 0 เช่น 10% 20% 30% ฯลฯ หากเป็นจำนวนเงิน ไม่ควรลดราคาเป็นเลขจุดทศนิยม กรณีถ้าหากอยากให้ราคาน่าสนใจ ดึงดูดลูกค้า ให้ลงท้ายด้วยเลข 9 เช่น 99 บาท 199 บาท เป็นต้น
4. ลดราคา ช่วงเวลาพิเศษ หรือ เทศกาล
อยากลดราคา ให้ถูกใจลูกค้า ให้ลดราคาช่วงเวลาพิเศษเสมอ เช่น Double Day, Mid Month Sale, Mid Year Sale หรือ เทศกาลสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวันวาเลนไทน์ วันฮาโลวีน วันคริสต์มาส Black Friday เป็นต้น เพราะนอกจากจะกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อของกับเราได้ง่าย ๆ เพิ่มยอดขายได้มากขึ้นแล้ว ยังเป็นการรักษาฐานลูกค้า ไม่ให้ไปซื้อของกับคู่แข่ง ที่ลดราคากระหน่ำด้วยเช่นเดียวกัน
5. จัด Pay Day ลดราคา ทุก ๆ สิ้นเดือน
นอกจากช่วงเวลาพิเศษ หรือ เทศกาลแล้ว คุณสามารถลดราคาในทุก ๆ ช่วงสิ้นเดือนได้อีกด้วย หรือที่นิยมตั้งชื่อแคมเปญว่า Pay Day เพราะแม้ว่าคนส่วนใหญ่อาจจะบ่นว่า แทบจะใช้เงินเดือนชนเดือนกันอยู่แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า ยิ่งลดราคา กลับยิ่งดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้ ให้เข้ามาซื้อกับเราได้มากขึ้น นั่นเป็นเพราะลึก ๆ พวกเขาเชื่อว่ายิ่งซื้อของลดราคา ก็จะยิ่งประหยัดเงินได้มากขึ้นนั่นเอง ดังนั้น หากใครไม่อยากพลาดเก็บเงินลูกค้ากลุ่มนี้ มาอยู่ในกระเป๋าเราแล้วละก็ ห้ามพลาดเด็ดขาด
เลือกสินค้าชนิดไหน มาลดราคาดีที่สุด ?
แน่นอนว่าคุณไม่ควรเอาสินค้าทุกชนิดมาลดราคา เพราะไม่อย่างนั้น คุณคงจะขาดทุน เจ๊งย่อยยับตั้งแต่วันแรก ๆ ดังนั้น ควรรู้จักเลือกสินค้า ที่จะนำมาลดราคาด้วย โดยอันดับแรก อาจเลือกสินค้าที่ตกรุ่น หรือ ค้างสต็อกจำนวนมาก มาลดราคาก่อน จากนั้น จึงค่อยลดราคาสินค้าที่กำไรน้อย แต่ขายได้จำนวน เพื่อเพิ่มยอดขายและผลกำไรให้มากขึ้น ทั้งนี้ หากใครมีสินค้าที่มีตำหนิ สินค้ามือ 2 หรือ สินค้าใกล้หมดอายุ ก็สามารถนำมา ลดราคา ได้ด้วยเช่นกัน
การลดราคา ถือเป็นกลยุทธ์การขาย ที่ยังคงคลาสสิคและสร้างผลลัพธ์ได้อยู่เสมอ ดังนั้น หากใครอยากเรียกลูกค้าให้เข้าร้าน หรือ สร้างยอดขายให้เพิ่มมากขึ้นแล้วละก็ ลองนำเอา 5 เทคนิคการลดราคา ไปปรับใช้กันดูได้ รับรองว่า ถูกใจลูกค้า ต้นทุนคุ้มค่า ราคาโดนใจ แน่นอน
บทความที่น่าสนใจ