ปฎิเสธไม่ได้เลยนะคะว่า ในยุคที่ดิจิทัลเฟื่องฟูแบบทุกวันนี้ การทำธุรกิจเราจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการพึ่งพากลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ได้เลย ซึ่ง Content Marketing ก็นับว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญอีกหนึ่งอย่างของการทำออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง ที่แบรนด์ต่างๆ มักนำมาใช้ในการดึงดูดลูกค้าหรือผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตให้เข้าไปติดตามหรือให้ความสนใจ วันนี้ SGEPRINT 👉 อยากจะพาทุกคนไปดูกันว่าContent Marketing มันคืออะไร? ทำไมแบรนด์สมัยนี้ถึงให้ความสนใจเรื่องคอนเทนต์กันนัก และจะทำยังไงให้แบรนด์ของคุณเองประสบความสำเร็จได้จากการนำContent Marketing เข้ามาช่วย ไม่ได้ยากอย่างที่เราคิดแน่นอน!

ความหมายของ Content Marketing คืออะไร

คำนี้สามารถแปลได้ตรงตัวเลยค่ะก็คือ “การตลาดคอนเทนต์” หรือเครื่องมือสำหรับผู้ทำที่ต้องการส่งสารต่อไปยังผู้รับ พูดง่ายๆเลยก็คือการที่แบรนด์จะสื่อสารกับผู้อ่านที่เป็นลูกค้านั่นเอง จะเรียกว่า Content คือเครื่องมือชิ้นหนึ่งสำหรับการทำการตลาดก็คงไม่ผิด เพราะมันเป็นตัวช่วยที่ดีมากๆ สำหรับการทำการตลาดในสมัยนี้ 👉 โดยคำว่า Content นั้นเราไม่ได้พูดถึง บทความ แคปชั่น ที่เป็นตัวหนังสือเพียงอย่างเดียวนะคะ 

แต่ศัพท์ทางการตลาด Content คือการทำเพื่อโปรโมทสินค้า ให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก เพื่อขายของ ฯลฯ ดังนั้นหากเป็นคอนเทนต์อื่นๆ ที่ไม่ได้มีจุดประสงค์ทางการตลาดชัดเจน จะเรียกว่าเป็นContent Marketing ไม่ได้ จึงทำให้ Content ก็เป็นได้ทั้ง ตัวหนังสือ ภาพ วิดีโอและเสียงรวมถึงมีเดียอื่นๆ ด้วยค่ะ

การเขียน Content และ Content Marketing แตกต่างอย่างไร

จากการศึกษาเพจ Primal ได้ให้ข้อมูลว่า เราอาจจะคุ้นเคยและทำอยู่เป็นประจำก็คือ การหาเรื่องราวที่จะเขียนมาจับประเด็นเป็น บทความและเขียนออกมาเพื่อให้ผู้อ่านได้ความรู้ ความเพลิดเพลิน วัดผลด้วยการดูว่าคอนเทนต์นั้นๆ เป็นที่นิยมมากน้อยแค่ไหนก็จบ อย่างนี้เราจะเรียกว่าเป็น บทความ ทั่วๆ ไป

 👉 แต่สำหรับการเขียนContent Marketing นั้นเมื่อมีคำว่าการตลาดพ่วงท้าย แน่นอนว่ากระบวนการและแนวความคิดทั้งหมดจะต้องถูกสร้างขึ้นด้วยหลักการตลาด ไม่ว่าจะเป็นจุดประสงค์ในการทำคอนเทนต์อย่างที่เราเขียนไว้ในหัวข้อด้านบน การทำเนื้อหาให้คลุมอยู่ภายใต้คุณลักษณะของแบรนด์ (Brand Persona) ใช้ภาษาเขียนที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ไปจนถึงการแฝงสินค้าบริการเข้าไปในเนื้อหาด้วย จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมบางครั้งการเขียนบทความการตลาด จึงมีการใช้ภาษาที่ไม่ถูกหลักบ้าง 👉 บางทีก็ใช้ภาษาวิบัติไปเลย นั่นเป็นเพราะความตั้งใจของแบรนด์ หรือนักการตลาดที่ต้องการส่งสารออกไปให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุดค่ะ เห็นไหมคะว่ามันต่างกันกับการเขียนบทความธรรมดาทั่วไป

หลักการเขียนContent Marketing ให้มีประสิทธิภาพ

หากเรามีการกำหนดลิสต์ออกมาเป็นข้อๆ ก็จะช่วยให้การเขียนของเราง่ายมากยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องของการเลือกเนื้อหา การใช้ภาษาและวิธีการเขียนต่างๆ  👉 ให้ Content ออกมาได้ตรงตามโจทย์ที่วางไว้มากที่สุด ไปดูหลักการเขียนที่สำคัญทั้ง 5 ข้อกันเลยค่ะ ว่าจะมีอะไรบ้าง…

  • Brand Persona ของคุณเป็นอย่างไร (เพื่อจะได้เลือกใช้ภาษาเขียนให้ถูกต้อง)
  • Demographic ของลูกค้า เป็นใคร อายุเท่าไหร่ เพศไหน การศึกษา อาชีพ ไลฟ์สไตล์ เป็นต้น
  • กำหนดวัตถุประสงค์ของ Content
  • รูปแบบเนื้อหาที่จะทำเป็นอย่างไร (เช่น บทความ วารสาร บล็อก หรือ แคปชั่นสั้นๆ)
  • จะเอา Content ไปลงที่ไหน

ถ้าทุกคนอ่านมาจนถึงตรงนี้จะรู้สึกได้ทันทีว่าจริงๆ 😘 แล้วการเขียนการตลาดคอนเทนต์ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่สิ่งที่ยากมันอยู่ที่เนื้อหาที่เราจะส่งให้ผู้อ่านเพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า Content ที่ทำไปจะได้รับความนิยม คนชอบหรือไม่ 👉 หลายๆ ครั้งที่คนทำ Content จะต้องตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แต่ถ้าเราวางแผนมาดีรับรองว่าสิ่งที่ทำไปไม่เสียเปล่าแน่นอนค่ะ ลองเอาเคล็ดลับนี้ไปใช้กันนะคะทุกคน

ประเภทของ Content มีแบบไหนบ้าง

1. บล็อกโพสต์ (Blog Posts) : จากการศึกษาทางเพจ Noria พบว่า บล็อกนับว่าเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งในการทำการตลาดเชิง Content Marketing ที่นอกจากจะช่วยพัฒนาธุรกิจของเราให้เป็นที่รู้จักได้แบบง่ายดายแล้วนั้น ยังช่วยดึงดูดลูกค้าให้เกิดความสนใจในแบรนด์ของเรามากขึ้นได้ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นการเขียนหรือแชร์ข้อมูลที่น่าจะมีประโยชน์ต่อลูกค้า ส่งผลให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อแบรนด์ได้อีกต่างหาก 

2. อีบุ๊ก (Ebooks) : การทำคอนเทนต์เชิงอีบุ๊ก อาจมีข้อมูลบางอย่างที่น่าสนใจที่ลูกค้าไม่สามารถตามอ่านบนโลกออนไลน์ได้ ถ้าเราสามารถรวบรวมและเขียนอีบุ๊กที่มีคนให้ความสนใจมาก เราก็สามารถสร้างรายได้จากการขายออกอีบุ๊กได้เช่นกัน ซึ่งก็คล้ายๆ กับการให้ข้อมูลผ่านบล็อกโพสต์ เพียงแต่ข้อมูลในอีบุ๊กอาจจะต้องแน่นและซับซ้อนกว่าบล็อกโพสที่เน้นการนำเสนออะไรที่อ่านง่าน

3. พอดแคสต์ (Podcast) : เพราะด้วยกระแสนิยมและการเปลี่ยนแปลงในนิสัยของคนเมืองยุคสมัยนี้ ทำให้พอดแคสต์กลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่คนเริ่มหันมาให้ความสนใจกันมากขึ้น เพราะนอกจากจะตอบโจทย์ลูกค้าได้แบบง่ายๆ ด้วยการฟังผ่านทางวิทยุแล้วนั้น ยังขายของแทรกได้แบบง่ายๆ ด้วยเช่นกัน ก็คล้ายๆ กับการฟังวิทยุ เพียงแต่พอดแคสต์นั้นจะฟังที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ผู้รับฟังสามารถรับฟังรายการพอดแคสต์ตามความชอบของตัวเองได้เลย

4. สื่อรูปภาพหรือวิดีโอ (Visual Content) : อีกหนึ่งรูปแบบที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว เพราะเป็นการขายข้อความผ่านภาพ Infographic ไม่ต้องใส่ข้อมูลให้เวิ่นเว้อ อธิบายสั้นๆ และใช้รูปในการอธิบายเป็นส่วนใหญ่ แล้วเน้นให้สามารถมีการแชร์ออกไปเรื่อยๆ ในโซเชียลมีเดีย เป็นการสร้าง Brand Awareness หรือถ้าเป็นในรูปแบบวิดีโอที่นิยมคือการสร้าง Youtube Channel แบบนี้เป็นต้น