Dropship คือ อะไร ทำไมคนขายของออนไลน์ถึงเริ่มมาค้าขายกันด้วยวิธีนี้เยอะขึ้น แม้แต่บริษัทร้านค้า ตัวแทนต่าง ๆ ก็รับสมัครคนทำแบบดรอปชิปเช่นกัน แถมโฆษณาพ่วงทายด้วยว่า ไม่ต้องสต็อคของ ไม่ต้องส่งเอง ก็สามารถสร้างเงินล้านได้ !!!
แล้วอย่างนี้คือ ถ้าเราทำ Dropship แล้วจะไม่ต้องทำอะไรเลยหรือเปล่า ขายแล้วรวยจริงมั้ย และจริง ๆ แล้วดรอปชิป คืออะไรกันแน่ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สงสัย SGEPRINT จะชวนทุกคนมารู้จักกับการขายของวิธีนี้ พร้อมบอกวิธีการทำ ที่จะให้คนที่อยากมีทั้งรายได้หลักและรายได้เสริม ได้เริ่มต้นอย่างง่าย ๆ อีกด้วยสารบัญ
Dropship คือ อะไร?
Dropship คือ วิธีการขายแบบหนึ่ง ที่ไม่ต้องสั่งของเตรียมไว้ แต่ใช้ตัวอย่างสินค้า หรือ รูป จากร้านค้าที่เราหาได้ว่ามีราคาถูก ต้นทุนต่ำ มาบวกราคาเพิ่ม เพื่อสร้างกำไรตามที่เราต้องการ แล้วลงขายผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ ทั้งใน Facebook E-Commerce เช่น Lazada Shopee เว็บไซต์ หรือ Salepage คล้าย ๆ กับการโป๊วของ
เมื่อมีลูกค้ามาสั่งสินค้า จึงค่อยไปหาซื้อสินค้าจากร้านค้าที่มีราคาถูก ต้นทุนต่ำ ที่เราหาไว้มาจัดส่ง ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องสต็อคสินค้า แค่ลงทุนเวลาในการจัดหาหรือแต่งรูปลงขายสินค้า ก็สามารถสร้างรายได้ โดยหากขายดี แล้วกลัว Dropship ไม่ทัน จึงค่อยวางแผนสต็อคสินค้าต่อไป
ทั้งนี้ อาจมีข้อเสียตรงที่ต้องใช้เวลาในการจัดส่งสินค้านาน เนื่องจากต้องรอให้ร้านค้าที่เราสั่งซื้อมาส่ง แล้วเราจึงค่อยส่งให้กับลูกค้าอีกทีหนึ่ง ซึ่งก็อาจจะต้องแจ้งระยะเวลาในการจัดส่ง ให้ลูกค้าทราบล่วงหน้า เพื่อไม่ให้ถูกเร่งรัด หากลูกค้าคนไหนรอไม่ได้ อยากจะได้รับภายใน 1-2 วัน อาจจะไม่ควรตกลงซื้อขาย เนื่องจากอาจเกิดปัญหาได้ในภายหลัง รวมถึงเรื่องของราคาขาย ที่ต้องรวมค่าจัดส่งเข้าไปด้วย เพื่อยังคงให้มีกำไรจากการขาย
ลงขายแบบ Dropship ที่ไหนได้บ้าง
การ Dropship ผ่านช่องทางออนไลน์ อาจเป็นวิธีการที่ตอบโจทย์มากที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นช่องทางที่ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ มีความเข้าใจที่จะรอรับสินค้าในช่วงเวลาประมาณหนึ่ง จึงทำให้เหมาะแก่การ Dropship ที่สุด โดยช่องทางที่เราจะแนะนำให้ลงขาย เช่น
1. เว็บไซต์ E-Commerce เช่น Lazada Shopee
ใน Lazada Shopee อาจจะต้องแต่งภาพเพื่อความสวยงาม ก่อนที่จะลงรูปและรายละเอียดสินค้า โดยหากคุณไม่มีสินค้าจริง แล้วต้องการลงใน Lazada Shopee อาจใช้รูปจากเว็บไซต์ อย่าง Alibaba Taobao 1688.com มา แล้วทำการตกแต่งรูปให้สวยงาม จึงค่อยลงรูปและรายละเอียดของสินค้า
2. Facebook Marketplace
การลงขายสินค้าใน Facebook Marketplace ลูกค้าส่วนใหญ่จะชอบรูปจากสินค้าจริง จึงไม่ต้องแต่สวยงามอะไรมากมาย สามารถถ่ายแล้วลงไปได้ทันที ทั้งนี้ หากไม่มีตัวสินค้า ให้ไปดูคอมเมนต์ของร้านค้าในลาซาด้า ชอปปี้ แล้วแคปเอารูปสินค้าที่มีคนรีวิวมาลงขาย เท่านี้ ก็สามารถนำไปลงขายได้แล้ว
ข้อดีของการ Dropship
1. ไม่ต้องลงทุน
เพราะไม่ต้องใช้เงินเพื่อไปสั่งซื้อของมาเตรียมไว้ เพียงแค่ใช้คอมพิวเตอร์ โน้ตบุค หรือ โทรศัพท์มือถือ เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต แล้วนำรูปสินค้าที่เราต้องการขาย ไปลงไว้ตามช่องทางต่าง ๆ เมื่อมีคนสั่งซื้อ จึงค่อยสั่งซื้อจากร้านค้าต้นทุนต่ำ แล้วทำการจัดส่ง เท่านี้ ก็มีรายได้เข้ามาแล้ว ไม่ต้องลงทุนแต่อย่างใด
2. ใคร ๆ ก็ทำได้
การ Dropship หากทำผ่านช่องทางออนไลน์ เพียงแค่คุณมีรูปสินค้าที่น่าสนใจ บางทีแค่ลงขาย ก็มีคนสั่งซื้อเข้ามาแล้ว โดยเฉพาะหากทำใน E-Commerce เช่น Lazada หรือ Shopee ดังนั้น เพียงแค่คุณสามารถใช้โทรศัพท์มือถือเป็น รู้จักวิธีการลงขายและจัดการคำสั่งซื้อในเว็บไซต์เหล่านี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ก็สามารถทำได้ ไม่มีการจำกัดอายุแต่อย่างใด
3. เงินทุนไม่จม ไม่เสี่ยงเป็นหนี้
หลาย ๆ คนมักตกม้าตาย ด้วยการรีบสั่งสต็อคสินค้าเข้ามาจำนวนมาก แล้วพอขายไม่ได้หรือขายไม่ดี ไม่คืนทุน ก็ต้องกู้หนี้ยืมสิน เพื่อมาหมุนเงิน จนตกอยู่ในวงจรนี้ไม่รู้จบ แต่หากเปลี่ยนเป็นการดรอปชิปแทน เงินทุนคุณจะไม่จมเลย เพราะสั่งสินค้าเข้ามาตามออร์เดอร์ที่มีเท่านั้น ไม่ต้องเสียเงินทุนไปกับการสต็อคของ ถ้าหากขายไม่ได้ก็ไม่เสียอะไร ลดโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นหนี้จากการขายของ
4, เหมาะสำหรับคนเริ่มต้นขายออนไลน์
ขายของออนไลน์ แม้ไม่ต้องเสียค่าเช่าร้าน สามารถขายได้ทุกเวลาก็จริง แต่ก็อาจมีค่าโปรโมต ค่าโฆษณา ที่ทำให้ต้นทุนคุณสูงเช่นกัน ดังนั้น หากรีบสต็อคของ โดยที่ไม่รู้ว่าจะขายได้หรือเปล่า ก็อาจทำให้คุณตกอยู่ในสภาพที่ลำบากตั้งแต่ต้น ดังนั้น การเริ่มจาก Dropship มาขายก่อนอาจจะดีที่สุด เพื่อลดต้นทุนการขายให้น้อยที่สุด และเป็นการทดลองตลาดว่า สินค้าที่คุณต้องการขายนั้น จะขายได้หรือไม่ เมื่อเจอสินค้าที่ขายดี จึงค่อยต่อยอดทำโฆษณา ทำโปรโมชั่นเพิ่มยอดขายต่อไป
5. ขายสินค้าอะไรก็ได้
ขายของออนไลน์ ส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่จะดึงดูดลูกค้ามากที่สุด ก็คือ รูปภาพ ดังนั้น ไม่ต้องกลัวเลยว่า จะต้องขายเฉพาะสินค้าใดชนิดหนึ่ง ขอแค่เป็นสินค้าที่มีคนต้องการ ราคาเป็นที่น่าพอใจ และมีข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธ เท่านี้ คุณก็สามารถขายสินค้าอะไรก็ได้ ตั้งแต่ของเล่นเด็ก เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงบ้านเดี่ยว ตอนโด ก็มีคนทำมาแล้ว ดังนั้น อย่าไปกลัว ขอเพียงแค่คุณกล้าทำ รับรองมีคนซื้อแน่นอน
ข้อเสียของการ Dropship
1. ใช้เวลาในการจัดส่งนาน
เนื่องจากต้องสั่งซื้อจากร้านค้าออนไลน์อีกทีหนึ่ง เพื่อมาจัดส่งให้ลูกค้า กว่าร้านค้าจะส่งให้ถึงมือเรา ก็ 2-3 วัน แล้ว บวกกับเวลาที่เราจะจัดส่งให้ลูกค้าได้อีก 2-3 วัน รวมเวลาที่ลูกค้าจะได้รับของจากเรา อาจรวมทั้งสิ้น 6-7 วัน ซึ่งถือเป็นเวลาที่นานมาก สำหรับการซื้อขายออนไลน์ ดังนั้น ระหว่างที่ตกลงซื้อขายกัน อาจจะต้องแจ้งลูกค้าให้ชัดเจนว่า อาจจะต้องใช้เวลา 3-5 วันในการจัดส่ง เพื่อไม่ให้ลูกค้ารอนานเกินไป ซึ่งหากลูกค้าไม่เร่งรีบ ไม่เร่งรัดอะไร ก็แสดงว่าเขาพอใจที่จะรอในระยะเวลานี้ แต่หากลูกค้าบางคนระบุชัดเจนว่าอยากได้ 1-2 วัน อาจจะต้องหลีกเลี่ยง เพราะกลุ่มนี้มักรีบที่จะได้รับสินค้าไว ๆ อาจไม่เหมาะกับการขายแบบ Dropship
2. แพคสินค้าที่ได้รับมา อาจจะได้รับความเสียหาย
เนื่องจากกล่องสินค้าที่ได้รับมา บางทีอาจจะมีความเสียหาย คนที่ทำ Dropship จึงควรที่จะตรวจสอบแพคสินค้าให้ดีว่า มีความเรียบร้อยหรือไม่ กล่องบรรจุสินค้า หรือ ตัวสินค้ามีความเสียหายมั้ย เพื่อให้เมื่อจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า จะได้ไม่ถูกต่อว่าในภายหลัง
3. สินค้าไม่ตรงปก
บางที ร้านที่เราสั่ง Dropship มา อาจจะมาจากร้านคนจีน ซึ่งรูปอาจจะแต่งซะสวย แต่พอได้รับสินค้ามาจริง ๆ อาจจะไม่ตรงปก หรืออีกแบบหนึ่งก็คือ มีหลายแบบหลายสี แต่ไม่มีชอยส์ให้เลือก พอส่งมาจริง ๆ กลายเป็นคนละสี ต่างกับแบบที่เราลงขาย และตกลงกับลูกค้าเอาไว้ ดังนั้น อาจจะต้องพิจารณาเลือกร้านค้าที่มีตัวเลือกให้เลือกชัดเจนก่อนเป็นอันดับแรก หรือถ้าจำเป็นต้องส่งคนละสีจริง ๆ ก็อาจจะบอกลูกค้าล่วงหน้า เพื่อไม่ให้มีปัญหาสินค้าถูกส่งตีกลับ
Dropship เอง กับ Dropship แบบระบบตัวแทน แบบไหนดีกว่ากัน
ปัจจุบัน บริษัทผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เริ่มเปิดให้บุคคลที่สนใจมาเป็นตัวแทน ผ่านการ Dropship มากขึ้น ซึ่งถือเป็นข้อดี เพราะถึงแม้จะต้องซื้อแพคเกจของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ มาสต็อคเอาไว้ในตอนแรก ไม่ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา แต่หากสามารถทำยอดขายได้ดี ขายแพคเกจชุดแรกได้ทั้งหมด แล้วคิดจะขายต่อไป ก็สามารถสั่งผ่านบริษัทนั้น ๆ ให้จัดส่งได้ทันที ไม่ต้องจัดส่งเอง เพราะบริษัทเสนอที่จะทำให้ทั้งหมด นั่นก็จะทำให้ตัวแทนไม่ต้องใช้เงินทุนในการสต็อคสินค้าอีก ไม่ต้องแพคสินค้าจัดส่ง ไม่ต้องเสียค่าส่งด้วย ลดความยุ่งยากในการขายสินค้าล็อตต่อ ๆ ไป ถือเป็นทางเลือกที่ดี หากคิดจะ Dropship ด้วยวิธีนี้
แต่เมื่อเทียบกับการ Dropship เอง ที่สามารถทำโดยที่ไม่ต้องใช้เงินทุน หรือใช้เงินทุนแค่หลักร้อย ก็สามารถมีรายได้แล้ว การเริ่มต้นทำ Dropship ด้วยตัวเองอาจจะดีกว่า แต่ก็มีข้อเสียตรงที่หากไม่สามารถตกลงกับร้านค้าที่เราสั่งซื้อให้แพคสินค้าให้ส่งลูกค้าได้โดยตรง ก็อาจจะต้องแพคสินค้า จัดส่งเองตลอดไป และอาจต้องรับมือกับความยุ่งยากกับปัญหาการจัดส่งที่ล่าช้า
ถ้าจะถามว่า Dropship เอง กับ Dropship แบบระบบตัวแทน แบบไหนดีกว่ากัน ก็อาจบอกได้ว่า ต่างมีข้อดี ข้อเสีย ทั้ง 2 แบบ ขึ้นอยู่กับเราว่า มีเงินทุนพร้อมแค่ไหน และคิดว่าแบบไหน จะทำกำไรได้ดีกว่ากัน ก็อาจจะต้องลองเปรียบเทียบและศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนทำการตัดสินใจ หรือดีไม่ดี อาจจะลองทำดูทั้ง 2 ทางเลยก็ได้ หากสามารถแบ่งเวลาได้ละมีเงินทุนมากพอ