Google Trend คืออะไร ทำไมจึงสำคัญต่อการทำการตลาด SGEPRINT มีคำตอบ พร้อมสอนวิธีใช้Google Trend เบื้องต้น ให้กับมือใหม่ที่ยังไม่เคยใช้มาก่อน ใครอยากรู้ว่า ใช้อย่างไร มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไรแล้วละก็ ตามมาดูกันเลย

Google trend คืออะไร

Google Trend

Google trend คือ เครื่องมือฟรีของ Google ที่ใช้ตรวจสอบความชื่นชอบ ในเรื่องราวต่าง ๆ ของคนจากทั่วโลก โดยอ้างอิงจาก Keyword ที่ถูกค้นหาบน Google เป็นหลัก ทำให้สามารถรู้ได้ว่า คนทั่วไปกำลังสนใจในอะไร และ นิยมใช้คำไหนในการค้นหา เวลาใช้งาน สามารถดู Volume ของ Keyword ต่าง ๆ ที่จะทำให้รู้ว่า Keyword ไหน ได้รับการค้นหามากที่สุด และ ดูยอดการค้นหา ในแต่ละระดับจังหวัด ในแต่ละประเทศ และ จากทั่วโลกได้อีกด้วย

ทำไม Google trend ถึงสำคัญต่อการทำการตลาด ?

Google

เนื่องจาก Google Trend เป็นเครื่องมือ ที่จะคอยเก็บข้อมูลการค้นหาของคนทั่วโลก ใน Google ทำให้มีความสำคัญต่อการทำการตลาดมาก ๆ เพราะเปรียบเสมือนเป็นฐานข้อมูล ที่จะบอกว่าคนในจังหวัดนั้น ๆ หรือ ประเทศต่าง ๆ สนใจอะไร อยากได้อะไร อยากรู้เรื่องอะไร โดยที่เราไม่ต้องเก็บข้อมูล ผ่านแบบสอบถาม หรือ ทำการวิจัยการตลาดเหมือนในอดีต เพียงแค่ใส่ Keyword ที่เกี่ยวข้องลงไป ก็สามารถรู้ได้ทันที ว่ามีคนสนใจในเรื่องนั้น ๆ หรือไม่

เช่น หากต้องการขาย “รองเท้าเพื่อสุขภาพ” แล้วอยากรู้ว่าจะขายได้ไหม มีคนสนใจหรือเปล่า เพียงใส่ Keyword ลงไป ก็จะรู้ได้ทันที ว่ามีคนนิยมค้นหาไหม ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดได้ระดับหนึ่ง ว่ามีความต้องการในตลาดอยู่หรือไม่ หรือถ้าหากต้องการทำ SEO ซึ่งเป็นการทำให้ Content ของคุณ ไม่ว่าจะเป็น บทความ วิดีโอ ขึ้นหน้าหนึ่งของ Google เพื่อให้ความรู้ สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ก็สามารถนำ Keyword ที่สนใจ มาลองวัดผลดูได้ นอกจากจะรู้ว่า มีคนนิยมค้นหาโดยใช้คำ ๆ นี้หรือไม่แล้ว ยังได้คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง เอาไปทำเป็น Niche Keyword ให้กับ Content หรือ เว็บไซต์ของคุณได้อีกด้วย

ประโยชน์ของGoogle Trend ในด้านการตลาด

Google Trend

1. ตรวจสอบความนิยมของสินค้า

หากเกิดไอเดียว่า อยากขายสินค้านั้น ๆ แล้ว ไม่แน่ใจว่าจะขายดีหรือไม่ สามารถมาตรวจสอบความนิยมของสินค้าเบื้องต้น ใน Google Trend ได้เลย เพียงแค่ใส่ชื่อสินค้าลงไป ก็จะแสดงผลออกมาทันทีว่า มีคนในจังหวัดไหนนิยมค้นหาบ้าง ซึ่งถ้าหากขึ้นมาหลายจังหวัด ก็แสดงว่าสินค้านั้นเป็นที่ต้องการ เหมาะสำหรับนำมาขาย เพื่อสร้างรายได้

2. เช็กกราฟข้อมูล ดูความต้องการสินค้า

เพราะสินค้าบางชนิด มีช่วงฤดูของมัน เช่น ร่ม อาจขายดีในช่วงหน้าฝน แต่ก็อาจขายไม่ได้ในช่วงหน้าร้อน หรือ หน้าหนาว ดังนั้น หากคุณต้องการสินค้าที่ขายดี ตลอดทั้งปีแล้วละก็ ให้เช็กกราฟข้อมูลของคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ว่ามีปริมาณการค้นหาตลอดทั้งปีหรือไม่ จะได้รู้ว่าควรนำมาขาย หรือ ไม่ควรขาย

โดยหากเส้นกราฟ ขึ้น ๆ ลง ๆ ตรงกลาง ก็แสดงว่า คีย์เวิร์ดนั้น มีแนวโน้มการค้นหาสูงตลอดทั้งปี น่าจะมีปริมาณความต้องการสินค้าสูงด้วย แต่ถ้าเส้นกราฟเป็นเส้นแบบแนวดิ่ง จากบนลงล่าง หรือ ขึ้นลง เป็นบางช่วง แล้วละก็ แสดงว่า คีย์เวิร์ดนั้น มีแนวโนมการค้นหาต่ำ ก็แสดงว่า อาจไม่เหมาะสำหรับการมาขายนั่นเอง

3. หา Keyword ที่ใช่ ในการทำ SEO

อยากทำ SEO ไม่ว่าจะเป็น บทความ วิดีโอ ให้ขึ้นหน้าหนึ่งกูเกิ้ล ใช้ Google Trend ในการหา Keyword ที่ใช่ได้ โดยการใส่ Keyword ที่คิดว่าจะใช้ลงไป หากมีผลการค้นหาขึ้นมาจำนวนมาก ก็แสดงว่า สามารถนำคำ ๆ นั้น มาใช้เป็น Keyword ในการทำคอนเทนต์ SEO ได้ แต่ถ้าขึ้น “การค้นหาของคุณไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะแสดงที่นี่” ก็แสดงว่า คุณอาจจะต้องหา Keyword ใหม่

4. ดู Keyword ที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำ Keyword รอง

หลังจากเราใส่ Keyword ที่เราคิดว่าจะใช้ลงไป นอกจากจะแสดงผลการค้นหาในจังหวัดต่าง ๆ แล้ว Google Trend จะขึ้นคำค้นหาที่เกี่ยวข้องขึ้นมาให้ด้วย 5 อันดับ ซึ่งแสดงว่า คำ ๆ นี้ มีคนนิยมค้นหา โดยใช้คำที่แตกต่างกันอีก 5 แบบ ซึ่งถ้าหากทำ SEO แล้วละก็ สามารถนำคำเหล่านี้ มาทำเป็น Keyword รอง หรือ Niche Keyword เพื่อดันอันดับบทความ หรือ เว็บไซต์ให้ติดหน้ากูเกิ้ลได้ด้วย

Google Trend วิธีใช้ เบื้องต้น

1. กำหนดประเทศ ที่ต้องการค้นหา

Google

เริ่มต้นใช้งานGoogle Trend โดยคลิกลิ้งก์ https://trends.google.com/trends/?geo=TH จากนั้น กำหนดประเทศที่ต้องการค้นหา ตามที่ต้องการ โดยการกดปุ่มขวาด้านบน หากต้องการให้เป็นประเทศไทย ถ้าเป็นเวอร์ชั่นภาษาไทย ให้เสิร์ชคำว่า “ไทย” แต่ถ้าเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ให้เสิร์ช “Thai”

2. หา Customer Insight

Google Trend

หรือที่เรียกกันว่า การทำความเข้าใจลูกค้า เป็นการตรวจสอบว่า คีย์เวิร์ดที่เราต้องการใช้ ในการทำ SEO หรือ สินค้าที่เราต้องการนำมาขายนั้น เป็นที่สนใจ หรือ ต้องการของลูกค้าหรือเปล่า ทำได้ง่าย ๆ โดยการใส่ Keyword หรือ ชื่อสินค้า ลงในช่องค้นหา แล้วกดค้นหา สมมติ คุณอยากขายรองเท้าเพื่อสุขภาพ ก็ใส่คีย์เวิร์ด “รองเท้าเพื่อสุขภาพ” ลงไปได้เลย

3. วิเคราะห์ผลการค้นหา

Google

หลังจากเสิร์ชไปแล้ว Google Trend จะแสดงผลการค้นหาขึ้นมา ซึ่งถ้าหาก Keyword นั้นได้รับความนิยม ก็จะมีการโชว์ผลลัพธ์ความสนใจ ตามจังหวัดต่าง ๆ ภายในประเทศไทยขึ้นมา พร้อมกับแสดงเส้นกราฟระดับความสนใจให้ดูด้วย เพื่อให้ดูว่ามีแนวโน้มการค้นหาเป็นอย่างไรบ้าง

ในที่นี้ เมื่อใช้ Keyword “รองเท้าเพื่อสุขภาพ” จะพบว่ามีความสนใจมากที่สุด อยู่ในจังหวัด นนทบุรี ตามด้วย เชียงใหม่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ชลบุรี ตามลำดับ เมื่อวิเคราะห์ประกอบกับเส้นกราฟ ที่ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เส้นกราฟค่อนข้างคงที่ มีปริมาณการค้นหาตลอด ก็อาจสรุปได้ว่า รองเท้าเพื่อสุขภาพ ยังคงเป็นที่ต้องการ เหมาะสำหรับการนำมาขายเพื่อสร้างรายได้อยู่

4. ดูหัวข้อที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาเป็น Keyword รอง

google trend

หากเลื่อนลงมาด้านล่างอีกนิด จะพบว่ามีตาราง 2 คอลัมน์ แสดงหัวข้อที่เกี่ยวข้อง และ คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแต่ละอันจะมี 5 คำด้วยกัน ซึ่งในส่วนของคำที่เกี่ยวข้องนั้น เราสามารถนำมาใช้เป็น Keyword รอง หรือ Niche Keyword เพื่อตั้งชื่อสินค้าให้ถูกหลัก SEO หรือ สามารถนำไปต่อยอด เขียนเป็นหัวข้อบทความ บนหน้าเว็บไซต์ เพื่อดันอันดับให้ติดหน้าหนึ่งกูเกิ้ลได้ด้วย ตัวอย่าง รองเท้าเพื่อสุขภาพ มีคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย

  • รองเท้าแตะ adidas
  • รองเท้า เพื่อ สุขภาพ ผู้หญิง 2022
  • รองเท้า นุ่ม ๆ เพื่อ สุขภาพ
  • รองเท้า เพื่อ สุขภาพ ผู้หญิง ยี่ห้อ ไหน ดี
  • รองเท้า เพื่อ สุขภาพ crocs

เมื่อได้คำค้นหาที่เกี่ยวข้อแล้ว คุณก็นำมาตั้งชื่อสินค้า โดยการนำมาต่อ ๆ กัน เช่น “รองเท้าเพื่อสุขภาพ รองเท้า เพื่อ สุขภาพ ผู้หญิง 2022 รองเท้า นุ่ม ๆ เพื่อ สุขภาพ” เพื่อให้คนค้นหาเจอ หรือเขียนบทความโดยตั้งชื่อ “รองเท้า เพื่อ สุขภาพ ผู้หญิง ยี่ห้อ ไหน ดี….” เพื่อให้เวลาคนสงสัยว่า ควรซื้อรองเท้าสุขภาพยี่ห้อไหนดี จะได้เจอเว็บไซต์ของคุณ เป็นต้น

5. เปรียบเทียบ Keyword

Google Trend

Keyword ในกูเกิ้ล แค่พิมพ์ผิด หรือ พิมพ์ต่างกันเล็กน้อย ก็ถือว่าเป็นคนละคีย์เวิร์ดกันแล้ว ดังนั้น หากอยากรู้ว่าควรใช้คำไหนแล้วดีที่สุดแล้วละก็ ควรนำคำ 2 คำมาเปรียบเทียบกัน เพื่อให้สามารถใช้ Keyword ได้ อย่างที่ลูกค้านิยมใช้กัน โดยในที่นี้ เราจะเปรียบเทียบระหว่าง “รองเท้าเพื่อสุขภาพ” และ “รองเท้าสุขภาพ” กัน ทำได้ง่ายมาก ๆ โดยการเพิ่มคำว่ารองเท้าสุขภาพ ไปตรงช่อง “+เปรียบเทียบ”

จากภาพจะเห็นได้ว่า รองเท้าสุขภาพ มีแนวโน้มการค้นหามากกว่า อย่างไรก็ตาม หากดูที่แผนที่จะพบว่า มีปริมาณการค้นหาเฉพาะใน กรุงเทพมหานคร เท่านั้น ต่างจาก รองเท้าเพื่อสุขภาพ ที่มีปริมาณการค้นหาในจังหวัดต่าง ๆ ด้วย ดังนั้น คุณก็อาจตั้งชื่อสินค้า โดยการเพิ่มคำว่า รองเท้าสุขภาพ ลงไป ก็จะช่วยให้ผลการค้นหาครอบคลุมมากยิ่งขึ้นได้แล้ว

6. อัปเดตเทรนด์ เพื่อทำ Content ให้ทันกระแส

Google

สำหรับใครที่ต้องทำ Content แนวอัปเดตตามเทรนด์ใหม่ ๆ หรือ ทันกระแสตลอดเวลาแล้วละก็ สามารถดูในหน้าแรกของ Google Trend ได้ หากเลื่อนลงมาจะเจอ มาแรงล่าสุด ซึ่งก็จะโชว์ Keyword ที่คนนิยมค้นหากันมากที่สุดในตอนนี้ ซึ่งเราสามารถที่จะเขียนบทความ หรือ ทำวิดีโอ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเรื่องพวกนี้ได้ เพียงแค่นี้ Blog หรือ เว็บไซต์ของคุณก็จะทันกระแสโลก สามารถเพิ่มยอด Engagement ได้จำนวนมากแล้ว

รู้จัก Google Trend คือ อะไรกันไปแล้ว หากใครอยากได้เครื่องมือฟรี ที่จะช่วยให้คุณรู้ว่า ลูกค้าของคุณต้องการอะไร สนใจอะไร หรือ อยากได้อะไรแล้วละก็ ลองใช้Google Trend ตามวิธีที่ SGEPRINT นำมาฝากกันได้เลย รับรองว่าใช้งานได้ไม่ยาก เป็นประโยชน์ต่อการทำการตลาด ตลอดจนการทำธุรกิจของคุณได้อย่างแน่นอน

บทความที่น่าสนใจ