Retargeting คือ อะไร แตกต่างจาก Remarketing อย่างไร SGEPRINT มีคำตอบ พร้อมเผยเทคนิคเพิ่มยอดขาย ที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ควรรู้มาฝาก ใครอยากนำกลยุทธ์นี้ ไปประยุกต์ใช้ให้ประสบความสำเร็จ บนโลกออนไลน์แล้วละก็ ไม่ควรพลาด !
สารบัญ
Retargeting คือ
การทำ Retargeting คือ การทำการตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมาย ที่เคยค้นหาสิ่งที่ตนเองสนใจ แล้วข้อมูลของพวกเขาถูกเก็บข้อมูลเอาไว้ โดยระบบติดตามบนโลกออนไลน์ เช่น Cookie ในเว็บไซต์ หรือ Facebook Pixel ใน Facebook ฯลฯ ทำให้นักการตลาด เจ้าของธุรกิจ สามารถนำเอามาเป็นฐานข้อมูล ใช้กำหนดกลุ่มเป้าหมายใหม่ เวลายิงแอดโฆษณาได้ โดยการทำ Retargeting ส่วนใหญ่ มักใช้วิธียิงแอดใน Facebook เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์ม Social Media อันดับ 1 ที่คนไทยนิยมเล่นกันมากที่สุด
Remarketing & Retargeting แตกต่างกันอย่างไร
หากพูดถึงคำนิยามแล้ว Remarketing มีความหมายคล้ายคลึงกับ Retargeting มาก ๆ แม้แต่นักการตลาดบางคน ก็ยังใช้คำ 2 คำนี้สลับกันไปมา หรือ ใช้ในความหมายเดียวกันด้วยซ้ำไป อย่างไรก็ตาม ถ้าเปรียบเทียบคำนิยาม คำต่อคำของทั้ง 2 คำนี้ ก็จะพบว่า มีวิธีทำการตลาด มุ่งเน้นไปยัง กลุ่มเป้าหมายทางการตลาด ที่แตกต่างกัน กล่าวคือ
Remarketing: มุ่งเน้นการทำการตลาด ไปยังกลุ่มเป้าหมาย ที่เคยเห็น เคยติดตาม สื่อโฆษณาต่าง ๆ แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ เพื่อกระตุ้นเตือนให้ลูกค้ากลุ่มนี้ ตัดสินใจซื้อสินค้าเราในภายหลัง หรือถ้าเคยซื้อแล้ว ก็ซื้อเพิ่มอีก เพื่อเพิ่มยอดขาย
Retargeting: การทำการตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมาย ที่เคยค้นหาสิ่งที่ตนเองสนใจ แล้วถูกเก็บข้อมูลเอาไว้ โดยระบบติดตามบนโลกออนไลน์ เช่น Cookies ในเว็บไซต์ หรือ Facebook Pixel ใน Facebook ฯลฯ ทำให้นักการตลาด สามารถนำเอามาเป็นฐานข้อมูล ใช้กำหนดกลุ่มเป้าหมายใหม่ เวลายิงแอดโฆษณาได้
หมายความว่า กลุ่มเป้าหมายของRemarketing นั้นคือ กลุ่มเป้าหมายเก่า ที่เรายิงโฆษณาไปหาตรงจุดแล้ว แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ ทำให้เราต้องทำสื่อโฆษณากลับไปหาพวกเขาซ้ำ เพื่อกระตุ้นให้เขาซื้อของกับเราในท้ายที่สุด
แตกต่างกับ กลุ่มเป้าหมายของRetargeting ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ ยังไม่เคยเห็นโฆษณาของเรา เพียงแต่เคยเสิร์ชค้นหา สนใจในสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่ง ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งถ้าหากตรงกับสินค้าบริการที่เรามี ก็จะทำให้เราได้ข้อมูลของพวกเขามา แล้วสามารถนำมาตั้งเป็นกลุ่มเป้าหมาย ในการทำโฆษณาต่อไปได้
พูดง่าย ๆ คือ Remarketing คือ การทำโฆษณาซ้ำ ๆ กลับไปหาลูกค้าเก่า ที่เคยมาหาเราแล้ว ส่วน Retargeting คือ การทำโฆษณาซ้ำ ๆ ไปหาลูกค้าใหม่ ที่เพิ่งสนใจสินค้า หรือ เริ่มรู้จักเรา
เทคนิคทำRetargeting เพื่อเพิ่มยอดขาย
1. ติดตั้ง Cookies บน เว็บไซต์ และ Pixels บน Facebook
เพื่อให้รู้ว่า ใครเริ่มสนใจสินค้าเราบ้าง จะได้นำไปเป็นข้อมูล ใช้ทำRetargetingต่อได้ ควรติดตั้งระบบติดตาม บนแพลตฟอร์ม ที่จะคอยเก็บข้อมูลต่าง ๆ ของลูกค้า ทำให้เราสามารถส่ง Content ที่เขาอาจสนใจ หรือ Ads โฆษณากระตุ้นยอดขาย ไปยังพวกเขาได้ในภายหลัง โดยหากคุณมีเว็บไซต์ ให้ติดตั้ง Cookies ส่วน Facebook ก็ให้ติดตั้งระบบ Facebook Pixel โดยคุณสามารถเชื่อมต่อ Facebook Pixel เข้ากับเว็บไซต์ได้อีกด้วย
2. ทำ Content ให้คุณค่า ก่อนเริ่มยิงแอด
แม้เราพอจะทราบว่า กลุ่มลูกค้าคือใคร แต่อย่าลืมว่า เขายังไม่รู้จักเราดี ดังนั้น การยิงแอดโฆษณาขายสินค้าในทันที อาจไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เพราะไม่มีใครซื้อสินค้าจากคนที่ไม่รู้จัก ดังนั้น ในเบื้องต้น คุณอาจจะต้องทำ Content ให้คุณค่า ให้ความรู้ เสิร์ฟไปถึงพวกเขาก่อน เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกดีกับแบรนด์หรือธุรกิจของคุณสักระยะหนึ่ง เมื่อเริ่มมีคนกดไลก์ กดติดตาม กดอ่านมากขึ้นแล้ว จึงค่อยปล่อยโพสยิงแอด ไปหาพวกเขาในภายหลัง ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า หลังจากนี้แล้ว คุณจะยิงแอดเพื่อขายของอย่างเดียว ควรทำคอนเทนต์ให้คุณค่าอย่างสม่ำเสมอต่อไปเรื่อย ๆ ด้วย เพื่อให้ลูกค้าของคุณ ติดตามแบบออร์แกนิค จะได้ไม่เบื่อหน่าย รวมถึงรำคาญแอดของคุณ จนเลิกติดตามในภายหลัง
3. Test Ads จนกว่าจะเจอแอดนางฟ้า
ถึงกลุ่มเป้าหมายของเรา จะเป็นกลุ่มที่เข้าข่ายสนใจสินค้าของเราแล้วก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า พอยิงแอดอะไรไปแล้ว ก็จะสามารถสร้างยอดขายได้อย่างถล่มทลายได้ทันที เนื่องจากคอนเทนต์ของเราอาจยังดีไม่พอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปภาพ หรือ วิดีโอ ที่ยังหยุดนิ้วโป้ง หรือ กระตุ้นให้คนอยากสั่งซื้อไม่ได้ ดังนั้น หาก Ads ไหนไม่เวิร์ก ให้ปรับเปลี่ยนคอนเทนต์ แล้ว Test โฆษณาหลาย ๆ ชุด ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอแอดนางฟ้า หรือ แอดที่สามารถสร้างยอดขายได้ถล่มทลาย รับรองว่า แค่มีแอดนางฟ้าแค่ตัวเดียว ก็สามารถนำไป Retargetingได้เรื่อย ๆ สร้างรายได้อีกยาว ๆ ได้อย่างแน่นอน
4. ใช้ Conversion Tags
เมื่อคุณรู้ว่าควรทำ Retargeting ไปที่ใครบ้างแล้ว เวลายิงแอดโฆษณา แล้วมีลูกค้ามาทำกิจกรรม หรือ มีปฏิสัมพันธ์อย่างไร จาก Ads นั้น ๆ ให้ติด Conversion Tags ในรายชื่อลูกค้านั้น ๆ ด้วย จะได้ไม่ยิงแอดเก่า กลับไปหาเขาซ้ำอีกรอบ ตัวอย่างเช่น ลูกค้าเข้ามาดูที่พักในเว็บไซต์ กดจ่ายเงินแล้ว คุณสามารถติด Tag “Making purchase on web” ไว้แล้วปล่อย Ads ชุดใหม่ เช่น Ads เสนอ Activities Package หรือ โปรโมชั่นบริการรถเช่า กลับไปหาลูกค้าคนนั้น เพื่อ Upsell นอกจากจะทำให้ลูกค้าไม่รำคาญจากแอดที่ตามหลอกหลอน ยังสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย
Retargeting เหมาะกับธุรกิจแบบไหน
จริง ๆ แล้ว การทำ Retargeting สามารถปรับใช้ได้กับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ค้าปลีก ร้านอาหาร อุตสาหกรรม โรงงานรับผลิตเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ฯลฯ ขอเพียงธุรกิจของคุณอยู่บนโลกออนไลน์ ก็สามารถทำการตลาดด้วยวิธีนี้ได้ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ต้องแน่ใจเสียก่อนว่า กลุ่มลูกค้าของคุณคือคนกลุ่มนี้รึเปล่า เพราะด้วยความที่เป็น กลุ่มเป้าหมายใหม่ ที่ไม่เคยรู้จักสินค้า และ บริการของเรามาก่อน เพียงแต่สนใจสินค้าในหมวดเดียวกันแบบกว้าง ๆ ทำให้เปรียบเสมือนลูกค้ากลุ่มใหม่อยู่กลาย ๆ ดังนั้น อาจจะต้องจ่ายโฆษณาสูง รวมถึงการทำคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่จะต้องดึงดูดพวกเขาให้เข้ามาซื้อสินค้าของคุณให้ได้ด้วย
การทำRetargeting จึงเหมาะสำหรับการเพิ่มยอดขาย มากกว่าจะสร้างยอดขายจาก 0 ซึ่งอาจเหมาะกับร้านค้า ธุรกิจที่มีรายได้ดีอยู่แล้ว แล้วอยากมียอดขายเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้น หากใครเพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ แล้วอยากใช้วิธีนี้แล้วละก็ จงเริ่มสร้างธุรกิจ จนมียอดขายสม่ำเสมอขึ้นให้ได้เสียก่อน เมื่อถึงเวลา จึงค่อยใช้วิธี Retargeting ในการหาลูกค้าใหม่ เพื่อสร้างยอดขายให้เพิ่มมากขึ้น
รู้เรื่อง Retargeting กันแล้ว หากใครอยากได้เทคนิคช่วยเพิ่มยอดขาย ที่จะช่วยให้มีลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาอุดหนุน สั่งซื้อสินค้าอย่างสม่ำเสมอแล้วละก็ แนะนำให้ทำการตลาดด้วยวิธีนี้เลย รับรองว่า จะช่วยเพิ่มยอดขายของคุณ ให้ปังทะลุเป้า ได้ตลอดทั้งปีอย่างแน่นอน
บทความที่น่าสนใจ