MarTech คืออะไร มีอะไรบ้าง ที่ช่วยให้การทำการตลาด มีประสิทธิภาพ และ ทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น SGEPRINT มีคำตอบ พร้อมพาคุณไปรู้จัก Marketing Technology ที่น่าสนใจ ใครเป็นนักการตลาด หรือ เจ้าของธุรกิจแล้วละก็ ไม่ควรพลาด !!!

MarTech คืออะไร

MarTech

Marketing Technology หรือเรียกสั้น ๆ ว่า MarTech เป็นชื่อเรียกกลุ่มซอฟต์แวร์ หรือ เทคโนโลยีดิจิตัล ที่ใช้ในการวางแผนธุรกิจ จัดแคมเปญทางการตลาด รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า จากช่องทางต่าง ๆ เพื่อให้การทำการตลาดมีประสิทธิภาพ เป็นเครื่องมือทางการตลาด ที่ทรงพลังมากที่สุดในยุคนี้ ช่วยให้นักธุรกิจและผู้ประกอบการ สามารถทำการตลาดได้ง่ายขึ้น

ทำไมต้องใช้ Marketing Technology

Marketing Technology

เพราะการทำการตลาดในปัจจุบัน มีหลายส่วนที่ต้องดูแล ไม่ว่าจะเป็น การทำโฆษณาเพื่อสร้างยอดขาย การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อหาลูกค้าที่ใช่ หรือแม้แต่ การดูแลระบบหลังบ้าน ที่ต้องคอยจัดเก็บข้อมูลลูกค้า ไว้ใช้ในการ Remarketing ทำให้หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ อาจต้องจ้างงานคน มาดูแลในส่วนต่าง ๆ จนมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ไม่นับเรื่องประสิทธิภาพที่อาจจะได้ไม่คุ้มเสีย จากความรู้ความสามารถของแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน

ด้วยเหตุนี้ ทำให้ Marketing Technology ถือว่าตอบโจทย์ของคนทำธุรกิจยุคใหม่ เพราะนอกจากจะมีซอฟต์แวร์ที่ช่วยแก้ไขปัญหาด้านการตลาดอย่างตรงจุด ในแต่ละแง่มุม ไม่ว่าจะเป็น การจัดการแคมเปญ การเก็บและวิเคราะห์ Data ต่าง ๆ และ การบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า แล้ว ด้วยระบบอัลกอริธึ่มที่ยอดเยี่ยม สามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง โดยที่เราไม่ต้องไปจัดการ หรือ ดูแลอะไรมาก ทำให้มันสามารถทุ่นแรง ลดระยะเวลาในการทำงาน และ ลดต้นทุนในการใช้คน ช่วยให้เจ้าของธุรกิจทำการตลาด ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

MarTech มีอะไรบ้าง

MarTech

อย่างที่กล่าวไว้แล้วว่า การทำการตลาด มีองค์ประกอบหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการทำโฆษณา การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล การดูแลระบบหลังบ้าน การทำคอนเทนท์ การทำการตลาดผ่าน SEO  หรือ Social Media Marketing ทำให้มีการพัฒนา MarTech เพื่อตอบโจทย์การทำการตลาดแต่ละด้าน ถึง 12 รูปแบบด้วยกันคือ

1. Marketing Analytics, Performance Tracking & Attribution

เป็น MarTech ที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด ว่าลูกค้าเราคือใคร อยู่ที่ไหนบ้าง จะได้สร้างคอนเทนต์ หรือ Ads โฆษณา ที่เข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ตลอดจนใช้วิเคราะห์ค่า Engagement Conversion Rate และ การเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาด ตัวอย่างเช่น Semrush, Smartlook, Sprout Social, HubSpot, BuzzSumo, Similarweb เป็นต้น

2. Cloud/Data Integration Platform

ช่วยซิงค์ข้อมูลของลูกค้า ข้ามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทำให้เราสามารถทำกิจกรรมทางการตลาดได้ง่ายขึ้นตัวอย่างเช่น Automate lead ที่ใช้ในการส่งข้อมูลลูกค้า (Lead information) ข้ามระบบ เช่น การส่ง Lead ที่ submit Facebook Lead Ads ของเราไปเป็น Row ใหม่ Google sheet หรือ ส่งไปเป็น Email list ใหม่ที่ Mailchimp เพื่อส่ง Thank you Email Autoresponder กลับได้ทันที เป็นต้น

3. Business/Customer Data Visualization Technologies

เครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลดิบ ออกมาเป็นภาพ เช่น กราฟ, พล็อต, แผนที่, ตาราง ฯลฯ สามารถนำมาประกอบเป็นชุด Dashboard เพื่อช่วยให้เห็นรายงาน (Report) ได้ง่าย ๆ ตัวอย่างของ Software ด้านนี้ ได้แก่ Metabase, Microsoft Power BI, Looker เป็นต้น

4. Conversion Rate Optimization / Personalization

มีจุดประสงค์หลัก ๆ คือ การทำให้  Conversion Rate Optimization สูงขึ้น หรือ ทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจต่อสินค้าของธุรกิจ (Brand Loyalty) โดยสร้างการสื่อสารข้อความแบบ Dynamic, การปรับรูปแบบบริการ (Service) ให้เหมาะสมกับ segmentation ต่าง ๆ ของลูกค้า หรือ การนำเสนอสินค้าที่ลูกค้าน่าจะสนใจ (Related items) ตัวอย่างเช่น HelloBar, HotJar, InstaPage

5. Advertising Technology

ใช้ประโยชน์ด้านการโฆษณา (Advertising) เพื่อให้โฆษณา หรือ แคมเปญที่สร้างเอาไว้ วิ่งได้ดี และ เข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น Celtra, AdCreative.ai, Amobee, OnAudience

6. Visitor Identification Software

เทคโนโลยีที่ช่วยยืนยันตัวตนของ Website Visitor เบื้องต้น เช่น การนำ IP address ไปแปลงเป็นเมือง,ประเทศ เพื่อให้ทราบว่า User จากบริษัท, สถาบันการศึกษาไหน มาเข้าเว็บไซต์ของเรา ตัวอย่างเช่น Lead Forensics, SharpSpring, Leadinfo

7. Affiliate Marketing

Marketing Technology ที่เจ้าของสินค้า สามารถให้คนอื่นช่วยขาย ด้วยการให้เขานำลิ้งก์สินค้าของเรา ไปแปะลิ้งก์ตามเว็บไซต์ หรือ แพลตฟอร์มโซเชี่ยลมีเดียต่าง ๆ ภายใต้ Link นายหน้าของแต่ละคน เมื่อมีลูกค้าคลิกลิ้งก์แล้วสั่งซื้อสินค้า เจ้าของสินค้าก็จะจ่ายค่านายหน้า ให้กับผู้ช่วยขาย เป็น % ของราคาสินค้านั้น ๆ ตัวอย่างเช่น Accesstrade, Lazada Affiliate, Shopee Affiliate 

8. Content Marketing Tools

เป็นเครื่องมือ MarTech ที่ช่วยให้ User สามารถหาไอเดียใหม่ ๆ เพื่อสร้าง Content ทั้งแบบบทความ วิดีโอ ตลอดจนใช้สร้าง Quiz Poll สำรวจ หรือ กระตุ้นให้เกิดการ Review เช่น HubSpot, BuzzSumo, Ahrefs

9. SEO tool

เครื่องมือ Martech ที่ช่วยให้การทำการตลาดผ่าน Search Engine Optimization มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การหา Keyword การทำ Backlink การทำ On-Page Off-Page SEO ตัวอย่างเช่น Ubersuggest, Ahrefs, Google Analytics

10. Social Media Marketing

ช่วยในการทำการตลาดผ่านโซเชี่ยลมีเดีย ให้มีประสิทธิภาพ ทั้ง Facebook IG Tiktok ไม่ว่าจะเป็น การวาง Content Schedule การสร้างแคมเปญประเภท Hashtag หรือ การเก็บ Insight ต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น Social Champ, Buffer, Hootsuite, Social Status, Visme

11. CRM, Marketing Automation

ทั้ง CRM และ Marketing Automation เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการติดตามกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจแต่ยังไม่ซื้อ ให้กลับมาซื้อกับเราในภายหลัง ผ่านการเก็บข้อมูลลูกค้าคนนั้น ๆ ไว้ในระบบ แล้วทำการติดตาม ทำให้สามารถสร้างยอดขายได้ ตลอดจนทำให้ลูกค้าเกิดการซื้อซ้ำอีกด้วย โดยเครื่องมือ CRM และ Marketing Automation ที่แนะนำได้แก่ PAM, Mailchimp, SendinblueWisible, Hubspot, R-CRM, Saleforce CRM

12. Marketing Cloud Suites

เทคโนโลยีแบบแพคเกจ ที่มีเครื่องมือทางการตลาดหลายอยู่ในแพคเดียว เช่น Marketing automation module, Customer Database Module, Analytic Module, Content creator module เป็นต้น โดยตัวอย่างบริษัทที่มี Marketing Cloud Suites ได้แก่ Saleforce, IBM Watson marketing cloud, Sitecore, Adobe, Hubspot, Pam Martech

รู้จัก MarTech กันไปแล้ว หากใครทำธุรกิจ แล้วอยากทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนทำให้เป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้นแล้วละก็ ลองนำ Marketing Technology ไปปรับใช้ในธุรกิจของคุณ รับรองว่า นอกจากจะช่วยลดต้นทุน ทำให้ได้ผลกำไรมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยพัฒนาศักยภาพ ทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ ได้อย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

บทความที่น่าสนใจ